หลังจากที่เข้าไปเจอของจริง ที่ภูเขาหยกเมืองปะกัน มีหลายสิ่งหลายอย่างที่คาดไม่ถึงจริงๆ ก่อนที่จะเล่าต่อ ผมขออนุญาตเล่าถึงหินอัญมณีที่มีความคล้ายคลึงหยกเพิ่มอีกสักชนิดนะครับ ซึ่งจะเป็นชนิดสุดท้ายที่จะเล่าแล้วครับ อย่างเพิ่งรำคาญนะครับ
หินหรืออัญมณีชนิดสุดท้ายนี้คือ หินอาเกต( Agate) ในไต้หวันจะเรียกหินอาเกตนี้ว่า “หมาน๋าว” ซึ่งผมคุ้นเคยกับอัญมณีชนิดนี้มาแต่ยังเป็นนักเรียนอยู่ที่ไต้หวันแล้วครับ เพราะที่ไต้หวันมีแหล่งกำเนิดที่มีมากที่สุดแหล่งหนึ่งของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่แถบทางฝั่งตะวันออกของเกาะไต้หวัน เช่นที่เมืองฮัวเหลียน ในตอนที่ผมเรียนอยู่ที่นั่น ก็เห็นร้านขายของที่ระลึกในเมืองไทเป แถบซีเหมินติง มีอยู่หลายร้านเลยทีเดียว นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ไปไต้หวัน มักจะซื้อกลับมาโดยเข้าใจว่าเป็นหยก ส่วนราคาก็จะสามารถต่อรองกันได้ ขึ้นอยู่กับสถานะของผู้ซื้อครับ แท้ที่จริงแล้วอัญมณีนี้ไม่ใช่เป็นหยก เพราะมีสีสันที่คล้ายคลึงกันมาก ทำให้หลายๆคนเข้าใจว่าเป็นหยกครับ
หินอาเกตหรือหมาน๋าวพบได้ทั่วโลก ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในโพรงหินบนรอยเลื่อนของเปลือกโลก หรือเกิดจากลาวาที่ทับถมกันมาเป็นเวลานาน จนตกผลึกเป็นหินอาเกต หินชนิดนี้เกิดจากฟองลาวาที่เย็นตัวลงและแข็งตัวอยู่ในโพรง หลังจากที่แข็งตัวแล้ว ซิลิกาจะอิ่มตัวในสารละลายจะเร่งปฎิกิริยาที่เป็นด่าง ก่อให้เกิดผลึกหลากสีสัน มีทั้งสีเขียว สีแดง สีน้ำตาล สีน้ำเงิน หลากสีมาก
ต่อมามีคนไปค้นพบและนำมาเจียรนัยเป็นรูปร่างหน้าตาต่างๆ แล้วนำมาเป็นเครื่องประดับร่างกาย และตกแต่งบ้าน บางคนก็บอกว่าเป็นอัญมณีแห่งความสมดุล อาเกตมีพบอยู่มากที่ประเทศบลาซิล อิตาลี และไต้หวัน ชื่ออาเกตที่ได้มาก็ได้มาจากชื่อของแม่น้ำอาเชต (Achates) อยู่ที่เกาะชิชิลี ประเทศอิตาลี ปัจจุบันนี้เรียกว่าแม่น้ำดิลิลโล (Dirillo River) นั่นเองครับ
มาดูเรื่องของคุณสุวรรณีต่อนะครับ พอเข้าไปเริ่มต้นขุดหยก ทำให้พบว่าการเป็นเจ้าของเหมืองนั้น หาใช่หนทางที่จะสร้างกำไรอย่างงดงามไม่ ในขณะที่การซื้อมาขายไปต่างหากที่เป็นช่องทางในการทำเงินจริงๆ เพราะการขุดหาหยกนั้น ขึ้นอยู่กับบุญวาสนา เพราะเธอได้พบเจ้าของเหมืองบางคน ที่พยายามขุดหาหยกมานานหลายเดือน ก็ไม่สามารถพบเจอก้อนหินหยกที่เป็นตัวทำเงินจริงๆ เลยก็มี
บางคนใช้เวลาในการเลี้ยงคนงานชาวเมียนมานานหลายเดือน หมดเงินค่าข้าวสารเยอะแยะไปหมด แต่ก็ไม่พบสักที ก็ได้แต่หวังว่าจะพบในไม่ช้า แต่คนงานทุกคนชาวเมียนมา ทานข้าวกันเป็นกาละมังทุกมื้อ ทำให้เกิดความท้อแท้และถอดใจไปเลยก็มี แต่สำหรับเธอแล้ว เธอยังคงสู้ต่อไป เพราะเธอเชื่อว่า คนดีต้องได้ดีเป็นผลตอบแทน
เธอเล่าว่า มีคนขับรถแท็กซี่ที่คอยรับส่งประจำตัวของเธอ ซึ่งเธอใช้บริการเขาอยู่เป็นประจำ มีอยู่ครั้งหนึ่งไปส่งเธอที่เหมืองหยก เขาเห็นคนงานขุดหยกที่เหมือง ถือไฟฉายกับฆ้อนขึ้นไปหาหยก หลังจากทหารเป่านกหวีดให้คนเข้าไปขุดได้อย่างเสรีวันละสามชั่วโมง คนงานก็เฮโลสาระพา บุกขึ้นไปขุดหยก บางคนก็รวยเหมือนสามล้อถูกหวยก็มีเยอะเหมือนกัน ดังนั้นเขาก็อยากจะฟลุคๆแบบคนงานคนอื่นบ้าง โดยเอาฆ้อนกับไฟฉายเก่าๆติดตัวขึ้นไปบ้าง ในเวลารอรับเธอเขาจะมีเวลาเหลือมาก ก็เข้าไปขุดหาหยกดู ดีกว่าอยู่ว่างเปล่า ปรากฎว่าหลังจากนั้นไม่นาน ก็ทราบข่าวว่า เขาได้ใช้ฆ้อนและไฟฉายเก่าๆอันนั้น ไปเคาะก้อนหิน ทำให้เขาได้ไปพบหยกเม็ดงามเข้า เขาได้กลายเป็นเศรษฐีไปเลยครับ
การขึ้นเขาไปบนภูเขาเพื่อขุดหยกนั้น ทำให้เธอได้เห็นคนเสียชีวิตมากมาย อาการมักจะคล้ายๆ กันเกือบทั้งนั้น นั่นคือผอมแห้งแต่บ้าพลังมากๆ พอนานวันเข้า ก็จะมาทราบข่าวว่าเสียชีวิตเสียแล้ว แต่พอสืบเข้าไปถึงสาเหตุการเสียชีวิต จึงทราบว่าคนที่เสียชีวิตเหล่านั้น ส่วนใหญ่มักจะมีเสียชีวิตอยู่ด้วยกันสองโรค นั่นคือโรควัณโรค หรือที่คนเมียนมาเรียกว่าเป็น โรคทีบี ย่อมาจาก(Tuberculosis) ซึ่งเกิดจากการสูดดมเอาฝุ่นผงของหินที่อยู่ในเหมืองเข้าไปทุกวัน บางคนก่อนตายจะทรมานมากๆ บางคนก็จะมีปัญหาทางโพรงจมูก หายใจลำบากมาก
ส่วนอีกโรคหนึ่งคือเสพยาเสพติดประเภทเฮโรอิน ซึ่งคนเหล่านี้จะมีพลังหลังเสพ แต่พอหมดฤทธิ์ยา ก็จะหมดแรงไป บางคนก็ติดยาบ้า เพราะยาบ้าราคาถูกมากๆ เม็ดละ 5-7 บาทเท่านั้น อาการเสียชีวิตเหล่านี้คนงานบนเหมืองจะเห็นเป็นเรื่องปกติเกือบทั้งหมด ซึ่งตัวเธอเองก็ประสบกับคนใกล้ตัว คือคุณพ่อของสามีเธอ ก็เกิดอาการโรควัณโรคเช่นเดียวกัน อาจจะเป็นเพราะท่านไม่ชอบสวมหน้ากากอนามัย ทำให้สูดเอาอากาศที่เป็นพิษเข้าไปนั่นเอง สำหรับคุณพ่อของสามีเธอ หลังจากที่เกิดอาการดังกล่าวแล้ว เธอได้พาไปรักษาที่โรงพยาบาลในประเทศเมียนมาหลายแห่ง ก็ไม่หายขาด ทำให้เธอต้องตัดสินใจส่งตัวมารักษา ที่โรงพยาบาลศิริราชในกรุงเทพฯอยู่เป็นเดือน จึงหายเป็นปกติได้ครับ
การค้า-ขายยาเสพติดที่ประเทศเมียนมา แม้จะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และมีโทษร้ายแรงมาก แต่ก็คนทำมาหากินนี้อยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเหมืองหยกบนภูเขายังคงมีอยู่มาก ซึ่งเธอพยายามบอกถึงผลร้ายที่จะตามมาแก่คนงานของเธอ และพยายามห้ามปรามไม่ให้คนงานเข้ายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แต่ก็ไม่วายที่จะมีคนงานที่ไม่เชื่อฟัง และปัญหาก็จะต้องตามมาทุกครั้งไปครับ ผมเองก็บอกคุณสุวรรณีไปเหมือนกันว่า อย่าว่าแต่บนเหมืองที่เป็นพื้นที่ห่างไกลเลย แม้แต่ในกรุงย่างกุ้งเองก็พบปัญหาเช่นนี้ได้เหมือนกัน
เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ เพราะราคาของยาเสพติดเหล่านี้ ในประเทศเมียนมาไม่แพงมากจนจับต้องไม่ได้ ดังนั้นมีผู้รู้บางท่านก็บอกว่า ทำให้ยาเสพติดราคาถูกลง แล้วจะลดปัญหาค้ายาได้ ผมเชื่อว่าไม่มีทางจะแก้ไขได้เลยครับ เพราะที่ประเทศเพื่อนบ้านของเราหลายๆ แห่ง ก็ยังมีปัญหานี้อยู่เช่นกัน แม้ราคาของยาเสพติดจะไม่แพงก็ตามครับ ผมเชื่อว่าคงต้องให้การศึกษาแก่ประชาชน และให้ความรู้แก่ถึงผลร้ายที่จะตามมาแก่ประชาชน จึงจะสามารถลดปัญหาได้ครับ
อาทิตย์หน้าเรามาพบกับตอนต่อไป ที่ใกล้จะจบบทความแล้วนะครับ โปรดติดตามตอนต่อไปครับ