ครั้งที่ผ่านมา ผมติดค้างเรื่องหยกของประเทศญี่ปุ่นไว้ ครั้งนี้ขออนุญาตนำมาเล่านะครับ
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติใต้ดินเยอะมากประเทศหนึ่ง เพราะอยู่บนหนึ่งในรอยเลื่อนของเปลือกโลกเช่นกัน จะเห็นว่าทุกปี จะมีแผ่นดินไหวทั้งหนักทั้งเบาเป็นนับร้อยครั้ง ดังนั้นจึงมีหยกอยู่ใต้แผ่นดินเยอะมากพอควร แหล่งที่สำคัญก็มีอยู่ 10 จังหวัด เช่น เมืองอิโตอิกาว่า จังหวัดนิกาตะ, เมืองนีมิ จังหวัดโอกายาม่า, เมืองอาซาฮิกาว่า จังหวัดฮอกไกโด, เมืองวากาสะ จังหวัดทดโตริ, จังหวัดนางาซากิ, เมืองยาบุ จังหวัดเฮียวโกะ, เมืองชิโมนิตะ จังหวัดกุนมะ, เมืองโยริดิ จังหวัดไซตามะ, เมืองทามามัตจึ จังหวัดชิตจึโอกะ, เมืองโคจิ จังหวัดโคจิ, เมืองยัตจึชิโระ จังหวัดคุมาโมโต, แต่ที่ดีที่สุดคือของ เมืองอิโตอิกาว่า จังหวัดนิกาตะ ซึ่งจะมีสีสันที่งดงาม สีออกสีเขียวอมน้ำเงิน และสีชมพู เป็นที่ขึ้นชื่อลือชามาก
มีตำนานเล่าว่า ในพงศาวดารฉบับแรกๆ ของญึ่ปุ่น หยกค้นพบในยุคสมัยของนาระ ที่มีอายุพันกว่าปี จากหลักฐานดังกล่าวจึงเห็นได้ว่า หยกมีบทบาทและความสัมพันธ์กับประเทศญี่ปุ่นมาช้านาน หลังจากนั้นอีกประมาณหนึ่งพันปี เรื่องของหยกก็ไม่มีการบันทึกไว้ในพงศาวดารฉบับใดอีกเลย จนกระทั่งในยุคสมัยของเมจิ ก็ได้พบหลักฐานการนำเข้าหยกมาสู่ประเทศญี่ปุ่น ในฐานะอัญมณีอันเลอค่า และเมื่อมีการสืบค้นกันต่อไป จึงพบก้อนหินหยกที่มีอายุประมาณ 500 ล้านปีมาแล้ว โดยพบที่เมืองอิโตอิกาว่า จังหวัดนิกาตะนั่นเอง
อีกทั้งยังมีตำนานที่เขียนเล่าเรื่องราว เจ้าเมืองโคชิโน๊ะคุนิ(ปัจจุบันคือเมืองอิโตอิคาว่า) ของเจ้าหญิงที่มีพระนามว่า เจ้าหญิงนุนาคาวะฮิแมะ(คำว่าฮิแมะแปลว่าเจ้าหญิง) ที่เลอโฉมและฉลาดหลักแหลม เป็นที่ต้องตาต้องใจของเจ้าชายเมืองอิซูโม๊ะ (ปัจจุบันเป็นจังหวัดชิมาเนะ) ที่ต้องการจะได้ครอบครองทั้งหยกและคน จึงใช้กลอุบายในการใช้เสียงเพลงสื่อสารให้เจ้าหญิงตกหลุมรัก ต่อมาได้อภิษกสมรสกัน เจ้าหญิงได้ทรงย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่เมืองอิซูโม๊ะ แต่ความต้องการยึดครองหยกของเจ้าชายได้เกิดแตก เจ้าหญิงที่มีความประสงค์จะปกป้องหยกที่เป็นอัญมณีสำคัญของประเทศถิ่นฐานของตนเอง จึงได้หนีกลับมาอยู่ที่โคชิโน๊ะคุนิ
เรื่องราวดังกล่าวจึงเป็นที่โจษขานกันเรื่อยมา ชาวเมืองที่เห็นถึงความรักในบ้านเกิดของเจ้าหญิง จึงได้สร้างอนุสาวรีย์เจ้าหญิงนุนาคาวะฮิแมะ ไว้ที่หน้าสถานีรถไฟ JRของเมือง จนมาถึงปัจจุบันนี้ หากใครเดินทางไปที่ท่องเที่ยวที่เมืองอิโตอิกาว่า จังหวัดนิกาตะ ก็จะพบเห็นอนุสาวรีย์นี้แน่นอนครับ
มาคุยกันเรื่องของคุณสุวรรณีต่อนะครับ หลังจากที่พบขุมทรัพย์ก้อนหินหยกที่พลิกฟื้นชีวิตของคุณสุวรรณี ทำให้เธอได้มีรายได้จากการประมูลขายหยกก้อนนั้น ในราคาที่เป็นตัวเลขแปดหลักเงินบาทไทย เธอก็เริ่มที่อยากจะกลับบ้านที่กรุงเทพฯ เพื่อกลับมาเยี่ยมคุณแม่และบุตรสาว อีกทั้งมีความรู้สึกเหนื่อยล้ากับการเดินทาง และการคุมคนงานที่เหมืองหยกบนภูเขาปะกัน เธอจึงขออนุญาตลาคุณพ่อสามี เพื่อให้ท่านได้ดูแลกิจการที่เหมืองหยกแทนเธอก่อน ตัวเธอเองต้องการหยุดพักงานระยะยาว เพื่อทบทวนสิ่งต่างๆ ในชีวิตด้วย
เมื่อกลับมาถึงกรุงเทพฯ หลังจากที่พักหายเหนื่อยแล้ว เธอก็ได้เดินทางไปกราบเยี่ยมผู้มีพระคุณ ที่เป็นผู้สนับสนุนเธอมาตั้งแต่ต้น เมื่อได้พบกับท่าน ท่านก็ได้สอบถามถึงเรื่องราวต่างๆ ในเหมืองหยก เธอก็ไม่ปิดบังบอกเล่าทุกอย่าง เพื่อให้ท่านได้รับรู้ถึงโอกาสทางการค้า ท่านได้ให้คำแนะนำเธอว่า การขายหินหยกที่เป็นก้อน แม้จะได้เงินมากมหาศาล แต่ถ้าเธอสามารถนำเอาก้อนหินหยกที่มีอยู่มาเจียระไนเพื่อเป็นหยกสำเร็จรูปได้ เงินส่วนเกินก็จะได้มากขึ้นเป็นเงาตามตัว จากนั้นท่านจึงได้แนะนำให้คุณสุวรรณีรู้จักกับผู้ประกอบการขึ้นตัวเรือนแหวน ซึ่งเป็นโอกาสทำให้เธอได้เปิดโลกทัศน์ใหม่มากขึ้น เพราะการขึ้นตัวเรือนสามารถทำให้เธอได้เรียนรู้กับอัญมณีที่หลากหลายมากขึ้นนั่นเอง
ในอดีตที่ผ่านมา คุณสุวรรณีมักจะไม่ยอมเสี่ยงในการผ่าหินหยก เพราะโอกาสเสี่ยงที่จะหมดตัวมีสูงมาก เธอจึงพยายามขายก้อนหินหยกที่เป็นหินหยกดิบๆ เสมอ เพราะไม่มีความเสี่ยงเลย แต่หลังจากที่ได้เจอกับช่างที่ขึ้นตัวเรือนแหวน ที่ท่านผู้ใหญ่ใจดีแนะนำให้ เธอจึงเริ่มเปลี่ยนแนวคิดเสียใหม่
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นอีกศาสตร์หนึ่งแขนงที่เธอจะต้องเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด เพราะในอัญมณีที่จะต้องทำความรู้จักหรือเรียนรู้ใหม่นี้ มีทั้งอัญมณีเนื้ออ่อนและเนื้อแข็งแตกต่างกันออกไปครับ อีกทั้งยังต้องเรียนรู้เรื่องของ “เพชร” การนำหยกมาฝังเพชร ทองคำ ทองคำขาว พลอยต่างๆ และการทำแหวน จี้สร้อยคอ สร้อยข้อมือ การนำทองคำและทองคำขาวมาหุ้มหยก เพื่อเพิ่มมูลค่าเป็นต้น ซึ่งทุกเรื่องที่กล่าวมา เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่จะต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด เธอบอกว่าเป็นเรื่องที่ยากมากๆ สำหรับเธอ แต่เธอก็ต้องพยายามทำให้ได้ เพราะนั่นหมายถึงการเปลี่ยนชีวิตใหม่ของเธอเลยทีเดียวครับ
การเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่สำคัญครั้งนี้ ทำให้เธอได้เปิดโลกทัศน์ใหม่อีกครั้ง ด้วยการเปิดตลาดอัญมณีไปยังประเทศอังกฤษ ที่เข้ามาโดยบังเอิญแท้ๆ ทั้งๆ ที่เธอเองไม่อยากจะเปลี่ยนแปลง แต่ก็ต้องฉกฉวยโอกาสนี้ไว้ เพราะต้องการจะให้ความร่วมมือกับท่านผู้มีพระคุณ ที่คอยค้ำจุนเธอมาช้านาน
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องติดตามตอนต่อไป ซึ่งจะเป็นตอนสุดท้ายของเรื่องนี้ ผมคงต้องปิดฉากเรื่องราวของคุณสุวรรณี สาวน้อยมหัศจรรย์ไว้เพียงแค่ตอนหน้าแล้วครับ โปรดติดตามตอนต่อไปครับ