ตามรูปที่แนบมานี้นี่เขาเรียกดอกโบตั๋น แหม่ทั้งก้อนดอกแห่งมันนั้นช่างเปนพุ่มเปนพวงยวงประยงสะดุดตางามงด_สดทั้งสีและกลิ่นหอมบางๆเบา
มีอยู่วันหนึ่งไปเมืองจีน อากาศมันหนาวพูดเปนไอ เดินลงมาจาก โรงแรมรับรองของรัฐบาลคอมมิวนิสต์ซึ่งเรียกให้ถูกเขาต้องเรียกว่ารัฐบาลประชาชน ณ นครเซี่ยงไฮ้ เห็นต้นมันสูงเท่าหัวออกดอกเปนพวงเปนพุ่มดกนักสีชมพูสดแสบแบบสกุลเซี่ยงไฮ้เลยทีเดียว ถ่ายรูปไว้แต่ว่าคงหายไปพร้อมเครื่องซัมซุง โน้ต 1
อันว่าแต่ก่อนนี้คนเรายังโง่อยู่ เมื่อสิบปีก่อนนั้นไม่ได้ซื้อไอโฟนซึ่งออกแบบในคาลิฟอร์เนียแต่ประกอบในสาธารณรัฐประชาชนจีน ดังที่เขียนประกาศไว้หลังโทรศัพท์ทุกรุ่น เพราะมัวไปคิดว่าไอโฟนมันไม่มีปากกา เวลาลูกน้อง/ลูกค้าส่งงานมา มันจะวงแก้ไม่ได้ ก็เลยไปซื้อโน๊ตซัมซุง_มันมีปากกาแถมมาให้
มาหายคลายเขลาก็ ดร.ฐากูร คอลัมนิสต์ทันสมัยหนังสือพิมพ์ข้างๆเวลานั้นท่านยังติดสามดาวมงกุฏครอบ มานั่งกินข้าวด้วยเห็นความเงอะงะใช้งานอยู่ ท่านจึงเอาไอโฟน 4 ของท่านให้ดูว่าวงได้ ใช้นิ้วด้วย แค่โหลดแอพ ไม่ต้องง้อปากกา!
นี่หละหนา เขาถึงว่าอยู่ใกล้บัณฑิตแล้วจะฉลาด
เวลานี้ ดร.ฐากูร บารมีถึงที่ หลังจากวนเวียนไปเขียนคอลัมน์คุณภาพอยู่ก็มีช่อชัยพฤกษ์มงคลมาประกอบดาว ก็ได้แต่โสมนัสพลอยยินดีกับท่านด้วยการณ์ดังผู้การฐากูรนี้เขาก็เรียกว่า คนเปนสุภาพบุรุษ เหตุหนึ่งคือชาติกำเนิดมาดี(มีตระกูล) เหตุสองคือการศึกษาดี (เรียนสูง) เหตุสามคือกิริยามารยาทดี (สุภาพ) เหตุสี่คือมีความสามารถดี (เก่งกาจ) ถ้าว่านับได้ครบถ้วนดังนี้ภาษาจีนเขาว่า เปนคุณชาย
เมืองจีนมีคำกล่าวว่ากลุ่มดอกไม้กลุ่มหนึ่ง เรียกว่า 4 คุณชายThe four noble ones ว่าด้วย 花中四君子 หรือที่เรียกย่อๆว่า 四君子 sijunzi ถ้าแปลตรงๆจะแปลว่า สี่ + 君 子สุภาพบุรุษ = สี่คุณชาย
ซึ่งจากภาพนี้ดอกโบตั๋นเขาไม่นับ เขานับอยู่สี่ประการ ได้แก่ ดอกท้อผลิบาน, ไผ่ลำเขียว, กล้วยไม้ออกดอก และก็เบญจมาส เหตุผลคือว่า อันดอกท้อนั้นมันบานท้าหิมะ กล้วยไม้มันบานยามใบไม้ผลิ ต้นไผ่ยังยืนท้าลมวันใบร่วงโรย เบญจมาศงามที่สุดยามแดดร้อนแรงส่องมา
ดังนี้เปนปัจจัยที่ควรรู้กันว่า คุณชายทั้งสี่ เขาไม่ได้ dandy เหลาะแหละพิรี้พิไรกันเหมือนในละครกันหรอกหนา
จีนเก่า (คำเรียกคนถือวัฒนธรรมก่อนยุค red guard ออกกวาดล้าง) เขามีจรรยามารยาทหนักหนา เวลาเราได้คำอวยพรจากจีนเก่าเหล่านี้มาเขาอาจส่งมาซึ่งรูปดอกไม้สี่คุณชาย เราก็ต้องอ่านความหมายเขาให้ออกและตอบแทนเขากลับอย่างรู้คุณค่า
กลับมาสู่อีกหนึ่ง ‘เขา’
เขา,โดยเฉพาะท่านเจียงไคเช็ค ผู้สมควรจักถึงที่รัฐบุรุษ ท่านไม่นับพวกสี่คุณชาย ไม่งั้นแล้วต้องมาคำนึงถึงคุณสมบัติชาติตระกูลผู้คน หนักหนากับคติความเชื่อของจีนใหม่, ท่านนับโบตั๋นเปนราชาดอกไม้ ค่าที่มันมีสง่าพ่วงพีเปนราศีแก่ชาติ
โบตั๋นอันใหม่นี้จะว่าไปก็เปนดอกมงคลแต่ไหนแต่ไรมาจะพันปีเข้าแล้วกระมัง ลวดลายแห่งมันถูกประทับเขียนลงบนเครื่องกระเบื้อง แพร่หลายมานานเนแต่สมัยสุโขทัยราชธานี
เวลานี้หากว่าโควิดคลายท่านผู้ใดลองไปเดินเล่นแถวตลาดเมืองซีอานยามเย็นหน่อยเปนไร ท่านจะได้เห็นเขาวางขายกันทั่วไปซึ่งดอกโบตั๋นสีต่างๆ ชมพูสดนั่นก็หนึ่งล่ะ ขาวมี เหลืองมี แดงมี แต่ที่ราคาสูงสุดนั้นไซร้ ต้องยกให้โบตั๋นดอกดำ ซึ่งมันส่งราศีลึกลับ สงัดรัตติกาล ออกมาอย่างดึงดูดน่าพิศวง พ่อค้าดอกโบตั๋นแถวนั้นกล่าวว่า อันดอกดำนี้แลสี่คุณชายเอ๋ย เปนอุดมมงคลสูงสุด
คนวังเมืองไทยเห็นราศีดังนี้ในดอกโบตั๋นเช่นกัน แต่เรานั้นเรียกมันว่าดอกพุดตานเทศ เปนดอกไม้สง่าเปี่ยมศุภมงคลรัศมี ใส่คำว่าเทศบ่งถึงความมาจากประเทศนอก_วิรัชศรี
ในบ้านเรามีดอกพุดตาน(ไม่เทศ) นับเปนอุดมมงคลบุปผชาติเหมือนกัน รูปทรง (การวาด) คล้ายคลึงกับโบตั๋นยิ่งนัก แม้ชื่อวิทยาศาสตร์จักเปนคนละตระกูลวงศ์ก็ตามที
พระที่นั่งสำคัญองค์หนึ่งในพระบรมมหาราชวัง โปรดเกล้าฯขนานนามว่า พระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ หมายว่าเปนสุวรรณบุปผชาติมงคลรองรับประทับพระองค์ ศิลปินช่างสิบหมู่สมัยโบราณนั้นท่านคงจำหลักลายทองแห่งดอกพุดตานไว้ที่เสาค้ำเสาคานแห่งพระที่นั่งนั้น
ยามเมื่อจักอัญเชิญพระสมมติเทวราชเจ้าออกจากพระบรมมหาราชวัง พระที่นั่งพุดตานฯนี้ ก็สามารถแปรสภาพเปนสอดคานหามกลายเปนของเคลื่อนที่ได้เข้าถวายงานในทันใด ในสถานการณ์นี้มิได้เรียกพระที่นั่งอีกแล้วด้วยเหตุว่าเกิดการเคลื่อนที่ได้ ท่านกรมวังผู้ใหญ่ท่านให้ความรู้ว่า ต้องเรียกใหม่เสียว่า พระราชยานพุดตานทอง
ซึ่งหากจะลงรายละเอียดให้มากแล้ว จะพบว่า นามพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ นั้นจะถูกเรียกขานนามนี้ต่อเมื่อมีการทอดพระที่นั่งพุดตาน ใต้นพปฏลมหาเศวตฉัตรอีกที ซึ่งหลายคราวพระที่นั่งพุดตานนี้ทอดอยู่เหนือพระราชบัลลังก์ เช่นพระแท่นมนังคศิลาอาสน์ โดยเฉพาะเวลาเสด็จฯเปิดประชุมรัฐสภาเปนรัฐพิธีประจำปี
พีงจะจารึกไว้ ณ ที่นี้ว่าพระที่นั่งซึ่งใช้เรียกอาคารนั้นต่างกับพระตำหนัก ตรงที่ว่ากันว่า เรียกพระที่นั่งเพราะมีพราหมณ์ลงยันต์ผูกไว้ให้องค์สมมติเทวราชเชื่อมโยงกับเทพเจ้าบนฟ้า ส่วนพระตำหนักไม่มียันต์พราหมณ์ชนิดนี้ลง อันนี้เก็บความมาจากพราหมณ์ชราผู้เฒ่าขอสงวนนาม จักผิดถูกประการใดผู้เขียนก็ขอรับไว้เองแทนแหล่งข่าวแต่ผู้เดียว
กลับมาที่ดอกโบตั๋น ณ เซี่ยงไฮ้
จีนจะเก่าจะใหม่อย่างไรนั้น ก็ยังนิยมในนิยามความหมายอันเปนสิริแลมงคล งานแต่งสำคัญๆในเมืองใหญ่ เจ้าบ่าวยังคงคาดอกตัวเองด้วยแพรแดงแต่งเปนดอกโบตั๋นอันเปนสรรพความหมายมงคลอยู่จนทุกวันนี้
ส่วนวัฒนธรรมจีนช่องแคบที่อพยพมาอยู่ปีนัง มะลักกา ฟากอันดามันนั้น แม้จะคบหาค้าขายกับฝรั่งมังค่า ใส่สูทสากลกันแล้ว ก็ยังขอถ่ายภาพงานมงคลสำคัญกับแจกันใส่ดอกโบตั๋นก็แล้วกันล่ะน่า
นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 หน้า 18 ฉบับที่ 3,759 วันที่ 20 - 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565