ไทใหญ่เขาเปนชาติพันธุ์ ดั้งเดิมบนผืนไร่ราวดอยทิศเหนือเฉียงตะวันตกของแผนที่ประเทศไทย ความสัมพันธ์กับไทยกลางขั้วอำนาจนั้นแต่ไหนแต่ไรมาก็เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย_เดี๋ยวดี
ครั้งเมื่อเปนดินแดนเอกราชยุคเจ้าเสือหาญฟ้ากับเจ้าราชบุตร ไม่ว่าจะหลวงเท้าเสือเย็น ท้าวหาญก่ายไทใหญ่ก็มีความเเกร่งกล้ารวบรวมหัวเมืองบนดอยเปนอาณาจักรได้มากมายตั้งกะเมืองแกน เมืองแสนหวีเชียงรุ่ง เชียงตุง ลำพูน ละกอน ยองห้วย เมืองงาย
ยุคหลังถัดมา ยามพระเจ้าสิบทิศหงสาวดีแผ่พระบรมเดชานุภาพไปถึง ไทใหญ่แข็งเมือง ก็ทรงปฏิบัติการเด็ดขาดตบฟาดให้พินาศยับเยินเสียด้วยไฟ ใช่_เผาเสียทั้งเปนไม่เว้นนายไพร่ ตามสไตล์การทัพพม่า
เจ้าฟ้าไทใหญ่ คำก่ายน้อย มาช่วยราชการทัพสมเด็จพระนเรศวรเปนเจ้ามาแต่นั้น_เจตนาร่วมคู่กัน คือรบพม่า จนกระทั่งสมเด็จพระนเรศเปนเจ้าเสด็จสวรรคตที่เมืองหาง อันเปนเขตอธิปไตยไทใหญ่
ลุเข้ายุคอาณานิคมฝรั่งทั้งอังกฤษฝรั่งเศสคุกคามยังโดนกระหนาบด้วยเขตอำนาจต้าหมิงต้าชิง ไทใหญ่ก็แปรผันเข้าด้วยไปตามสถานการณ์การเมืองบีบคั้น คราวหนึ่งพะกาหม่องไทใหญ่เข้าร่วมกลศึกซ้อนซับต้านอังกฤษ ลอบเข้าปล้นเมืองแพร่ ให้สยามกังวลใจ เพราะอาจหาญถึงบุกเข้าศาลาว่าการ วางระเบิดการเมือง ปล้นคลัง เเละตัดเสาโทรเลข แม้พระยาไชยบูรณ์ข้าหลวงไทยประจำเมืองแพร่หนีออกนอกจวนทันเวลา แต่ไม่ช้าก็ถูกกุมตัวมาฆ่าตัดคอ
รัตนโกสินทร์ยามนั้นถึงกับต้องส่งทัพสำคัญแม่ทัพจอมพลขึ้นเมืองเหนือไปปราบกบฎ “เงี้ยว” เมืองแพร่
ป.ล. เงี้ยวเปนคำโลน ใช้เรียกไทใหญ่แบบไม่ให้ราคาผสมความโกรธาโกรธเกรี้ยว
ยุคครึ่งศตวรรษหลังมานี้ ตำนานลึกลับเกี่ยวกับสมเด็จพระนเรศวรเปนเจ้าผู้ทรงครองใจไทใหญ่อิสรชนแห่รัฐฉานยังปรากฏร่องรอยความเข้มขลังเรื่อยมา
คราวสหภาพพม่าภายใต้การนำของกองทัพสหภาพ_สภารักษาความสงบออกกวาดล้างชนกลุ่มน้อยอิสระไทใหญ่ รัฐฉาน ภาพฉายวัน_เวลาในอดีตก็ส่องมา มาเหมือนกับที่คราวพระเจ้าสิบทิศบุเรงนองทรงประกาศกร้าวเผาไทใหญ่ด้วยไฟประลัยกัลป์ ฉะนั้นขบวนการเอกราชไทใหญ่คราวนั้นตั้งชื่อ กันเองว่าขบวนการ ‘หนุ่มเสือหาญ’ ปฏิบัติการรบนอกแบบ ลักษณะกองโจรทุกรูปแบบมีอิทธิวัตถุทางใจคือกองอิฐสถูปบัว จุดวางพระบรมศพสมเด็จพระนเรศเปนเจ้า คอยคุมจิตใจมิให้ปริหวั่นกับกองทัพมหึมาหลั่งไหลราวสายน้ำของทหารรัฐบาล
พันเอกเจ้าเครือเสือ เวลานั้น ลงยาสักเปนสังวาลย์หมองมุงเมืองตาข่ายเพชรครอบกระหม่อม ทำหน้าที่นำกองกำลังกู้ชาติออกรบ ยามจะข่มตาหลับลงเจริญพระคาถาคุ้มภัยตำรับไทใหญ่ ก็ยังให้ปรากฎดวงพระวิญญาณสมเด็จพระนเรศวรเปนเจ้าเสด็จทรงเตือนภัยในภวังค์ ให้ย้ายค่ายนอนหลบหนีทัพพม่าหลายครั้ง เมื่อสะดุ้งตื่นขึ้นปฏิบัติตามนิมิตได้เพียงสองชั่วโมง ลูกปืนใหญ่ก็ถล่มลงที่ฐานชั่วคราว เปนอย่างนี้หลายเพลา
พันเอกเจ้าเครือเสือ เวลานี้(พ.ศ.2560) คือ ปัณฑิต๊ะภิกขุผู้ชนมายุ 102 ปี จำพรรษาเร้นกายเงียบลับอยู่บนดอยจอมแวะเชียงดาว
เปนปัณฑิต๊ะภิกขุ ผู้ซึ่งปวงลูกศิษย์ลูกหาเรียกขนานนามว่า ครูบา ครูบา_ออ ด้วยประสพการณ์กรำศึกเข้มข้นและดวงจิตละโลกพ้นสังสาร จึงเปนที่เคารพบูชาอย่างสูง จนกระทั่ง พล.ท. เจ้ายอดศึก ผู้บัญชาการกองกำลังไทยใหญ่ปัจจุบันยกให้เปนที่ทั้งครูพระและครูขุนศึก
ข้างตำราปั๊ปสา เล่าชีวิตและความเชื่อแห่งปวงเขาชาวไทใหญ่ว่าแมวเป็นครูของเสือ
เล่ากันว่า แมวเป็นครูสอนสรรพวิชาทุกอย่างให้แก่เสือ ยกเว้นแต่วิชาขึ้นต้นไม้ เสือจึงเก่งทุกอย่างบนดินและแมวนั้นอย่างไรเสียก็ยังอยู่บนที่สูงกว่าเสืออยู่ร่ำไป แมวสอนเสือจับเหยื่อในขณะที่แมวกินเหยื่อจากส่วนหัวไปหาง แต่แมวสอนให้เสือตะครุบกินเหยื่อจากหางไปหาหัว เผื่อไว้ว่าอิ่มแล้วเหยื่อยังมีโอกาสรอดได้บ้าง โดยเฉพาะกรณีที่เสือกินคน ผู้ที่ถูกเสือกัดจะยังมีโอกาสส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นได้
อิทธิคุณฝ่ายแมวของไทใหญ่และล้านนานั้น คนโบราณนิยมสักยันต์แมวที่หัวไหล่ ให้ผลทางด้านชาตรีผ่อนหนักเปนเบาและแคล้วคลาด ตัวอย่างเช่น ตกที่นั่งคับขัน พวกเขาจะตั้งสติภาวนาร่ายคาถาแมวดำ “โอมปิปิ วิวิ มหาสะมัง” แล้วแลบลิ้นเลียรูปยันต์แมวที่หัวไหล่ ดังนี้ก็จะแผลวผลุบหลุดพ้นอันตรายเฉพาะหน้าได้คล้ายครูแมวสิง
ครูบาออก็มียันต์แมว ท่านทำไว้ประกอบกับตะกรุดด้ายแดงดอกหนึ่งชื่อตะกรุดแมวกินเสือ ตำราว่าเป็นการผูกอักขระ เรียกธาตุ เปิดนาม ปิดรูป ซ้อนกลจากน้อยให้กลายเป็นใหญ่ จากไพร่ให้เปนนาย จากชายธรรมดาให้เปนยอดคน
ด้วยคติชนวิทยาฝ่ายไทใหญ่นั้นท่านเปรียบว่า
- เจ็บไข้ได้ป่วย คือโดนเสือกินร่างกายให้เอาแมวครูไปกินเสือก็จะหายป่วย
- ทำมาค้าขายไม่ขึ้น คือโดนเสือกินเงิน กินทองให้เอาแมวครูไปกินเสือ ไม่นานก็จะรวยขึ้น
- ทำอะไรก็ไม่เจริญ คือโดนเสือกินดวง ให้เอาแมวครูไปกินเสือ ไม่นานดวงจะดี
- มีคนริษยา กลั่นแกล้ง เปรียบว่าอยู่ใกล้เสือให้เอาแมวครูไปไล่เสือ ไม่นานก็จะมีคนเมตตา
- ไปเสี่ยงโชค มีแต่เสียเงินเสียทอง ท่านว่าโดนเสือกินสตางค์ ให้เอาแมวครูไปกินเสือ ฯลฯ
ไทใหญ่กับไทยหลวงเวลานี้ แม้ว่าจะเกิดต่างแผ่นดินกัน แต่กระแสความเมตตาของครูบาจารย์ ไม่มีแบ่งแผ่นดินเชื้อชาติ ต่างดูแลกันไปมาเหมือนครั้งเมื่อคราวรบพม่าในอดีต
แม้ยามนี้ครูบาออ ปัณฑิต๊ะ อดีตพันเอกเจ้าเครือเสือ ได้ถึงแก่มรณะละสังขารในท่านนั่งสมาธิไปเมื่อปีกลายๆ เพื่อนตายสหายศึกของท่าน นามกรครูบาวิมะละ วิมะโร พรรษา43 ชนมายุ103 ยังรับอาราธนาจากครูบาผู้ล่วงลับให้ขึ้นจากวัดเวฬุวันมาครองพรรษาจำวัดที่พระธาตุดอยจอมแวะปฏิบัติสังฆกิจปกแผ่ความเมตตาตามสายวิชาไทใหญ่ของพวกท่านสืบต่อ
ภาพด้านล่างนี้ครูบาวิมะละ รับสังฆทานเทียนพรรษาอันปราณีตแล้ว เมตตาทำเทียนชะตา ตามกำลังวันแก่สาธุชนผู้ข้อง และเมตตาจารแผ่นเงินบริสุทธิ์ประดับทองคำเปลวพม่าแท้ตีมือเพื่อรวบรวมไปหลอมสร้างพระประธานสำคัญในพื้นที่ภาคกลางต่อไป
(บทความนี้เขียนในปี 2563 ครูบาวิมละเพิ่งละสังขารในปี 2565 ชาวไทใหญ่ทำปราสาทนกหัสดีลิงค์ถวายเพลิงแก่ศพท่านครูเมื่อ 29 มี.ค 65)
นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 หน้า 18 ฉบับที่ 3,773 วันที่ 10 - 13 เมษายน พ.ศ. 2565