*** นอกจากการอัดเงินเข้าไปในระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแบบไม่ลิมิตก็ยังมีเรื่องสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งทำราคาพลังงานและอาหารปรับตัวขึ้นจนเกิดภาวะเงินเฟ้อลุกลามไปทั่วโลก ล่าสุด Fed ก็ได้ส่งสัญญาณออกมาแล้วว่าถ้าขึ้นดอกเบี้ยแค่ 0.5% ต่อครั้งยังเอาไม่อยู่ Fed ก็พร้อมที่เสริมมาตรการ QT หรือการปรับลดขนาดงบดุลจากระดับสูงเกือบ 9 ล้านล้านดอลลาร์ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เพื่อควบคุมไม่ให้เงินเฟ้อสูงมากไปกว่านี้ ทั้งนี้แนวทางการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed กลับสวนทางกับ ธปท. ที่คาดหวังว่าเมื่อ Fed ก็จะทำให้
*** ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงในจังหวะเดียวกับการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้ามาโดยไม่ต้องตรวจ RT-PCR ซึ่งจะเป็นการดึงดูดเม็ดเงินต่างชาติเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจของไทยได้เร็วที่สุดนั่นเอง และหากเป็นไปในแนวทางนี้หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดคือ หุ้นกลุ่มเปิดประเทศและท่องเที่ยวอย่าง AOT MINT CENTEL ERW ขณะที่หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลอย่าง BDMS BCH CHG THG ก็จะเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่จะได้อานิสงส์จากการเดินทางเข้ามาของชาวต่างชาติด้วยเช่นกัน
*** แม้ว่าจะมีปันผลพิเศษที่มาจากการทำ Share Swap จาก SCB มาเป็น SCBX มาเป็นตัวล่อ แต่ประเด็นเรื่องการเข้าไปซื้อหุ้นของ Bitkub จำนวน 51% คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 17,850 ล้านบาท ของ SCBX กำลังถูกนำมาโจมตีอย่างหนัก เพราะไม่ว่าจะเป็นในเรื่องที่จำนวนพอร์ตนักลงทุนของ Bitkub ที่ลดจำนวนลงมาเรื่อยๆ นับตั้งแต่ต้นปี 65 รวมไปถึงเรื่องที่ ธปท. และ ก.ล.ต. ออกข้อบังคับต่างๆ มาควบคุมตลาดคลิปโท รวมถึงการทำผิดกฎระเบียบก.ล.ต. อยู่บ่อยๆ ของ Bitkub ล้วนทำให้ความน่าเชื่อถือของตลาดคริปโทฯ ในประเทศซบเซาลง เป็นเหตุให้นักลงทุนกังวลถึงเรื่องของความคุ้มค่าในการลงทุนใน Bitkub ว่าคุ้มค่า ประมาณว่าได้มคุ้มเสียหรือไม่ รวมถึงยังมีคำถามว่าทิศทางการขับเคลื่อนเข้าไปสู่โลกการเงินดิจิทัลของ SCBX จะสดใสจริงแค่ไหน นี่จึงเป็นสาเหตุที่ SCB อาจจะต้องใช้เวลาในการปรับมุมมองของนักลงทุนให้เข้าใจถึงเส้นทางสายใหม่นี้อีกมากพอสมควร
*** หลังจากที่ถูกเตะตัดขาจากข่าวออนไลน์จนทำให้ราคาหุ้นที่กำลังร้อนแรงของ EA ปรับร่วงลงมาเหลือแค่ 86.75 บาท จากราคาหุ้น 100 บาท ซึ่งถ้าหากจะคิดเป็นมูลค่าทางการตลาดก็น่าจะตกอยู่ที่ราวๆ 6 หมื่นล้านบาท และกลุ่มผู้ที่เดือดร้อนมากที่สุดจากการที่ราคาหุ้นปรับร่วงลงมารวดเร็วแบบนี้ ก็น่าจะหนีไม่พ้นกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยที่อาจตกใจ จนอาจขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงจนเกิดความเสียหายกับเงินลงทุน ขณะที่กลุ่มของผู้บริหารกลับไม่น่าจะมีปัญหา เพราะทุกการซื้อหรือขายของกลุ่มผู้บริหารจะต้องรายงานให้ทางตลาดฯ รับทราบตลอดอยู่แล้วนั่นเอง ดังนั้น ถ้ามองว่าการที่ราคาหุ้นของ EA ปรับลงมาในครั้งนี้ เป็นโอกาสที่จะได้ของดีราคาถูกก็น่าจะทำให้รู้สึกดีขึ้นได้นะคะ
*** ข่าวร้ายของชาวหุ้น เมื่อ “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รมว.คลัง เดินถอยหลัง หันหลังให้โลกยุค 5 จี อ้างข้างๆ คูๆ ยกเว้นเก็บภาษีหุ้นมา 30 ปี ดื้อดึงจะเก็บภาษีหุ้นให้ได้ ไม่ได้ดูเลยว่าผลกระทบใหญ่หลวง ที่จะเกิดกับตลาดทุน, เงินมหาศาล ที่ไหลออก เจ๊เมาธ์แนะนำนะคะ ท่าน รมว.คลัง หาอ่านผลศึกษาที่คนในตลาดทุนทำออกมาก่อนหน้านี้ก็ได้ค่ะ หรือ จะขอคำแนะนำจากนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ก็ได้นะค่ะ เพื่อให้นายกสมาคม ได้มีบทบาท เทคแอ็คชั่น กับเรื่องภาษีหุ้นบ้างค่ะ
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,774 วันที่ 14 - 16 เมษายน พ.ศ. 2565