*** อื้ออึงกันทั้งบาง เมื่อคณะกรรมการทางแพ่ง ก.ล.ต. ลงโทษทางแพ่ง อดีตผู้บริหารและพวก รวม 6 คน ของ บริษัท โรแยล เซรามิคฯ (RCI) ที่อาศัยข้อมูลภายใน กรณี บริษัท ไดนาสตี้ เซรามิค (DCC) จะทำเทนเดอร์เสนอซื้อหุ้น RCI ราคา 4 บาท สูงกว่าราคาบนกระดานของหุ้น RCI ในขณะนั้น
เพราะหากดูรายชื่อผู้ที่ถูกกล่าวโทษ พบว่า ผู้ถูกกล่าวโทษเป็นถึงประธานบอร์ดบริหาร รู้ข้อมูลดีที่สุด แต่กลับทำความผิดเสียเอง คือ “รุ่งโรจน์ แสงศาสตรา” ขณะดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร และเป็นประธานกรรมการของ DCI ด้วย ถึงตอนนี้ “รุ่งโรจน์-กลุ่มแสงศาสตรา” ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ DCC ด้วย
ขณะที่ “วิบูลย์ วัชรสุรังค์” เป็นอีกคนที่ถูกก.ล.ต. ลงแส้ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ RCI ถึงตอนนี้ก็ยังเป็นหนึ่งในถือหุ้นใหญ่ของ DCC
ถึงแม้ว่ากระบวนการสอบสวนจนถึงการดำเนินการลงโทษใช้เวลานานมากจนแทบจะจำไม่ได้หรือแทบไม่มีใครจำ และการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร จะสามารถแก้ไขได้ด้วยการนั่งบริหารอยู่เบื้องหลัง รวมถึงการปรับเงินจำนวนเล็กน้อยแค่เพียง 11 ล้านบาทนิดๆ ไม่อาจทำให้ผู้ที่กระทำความผิดเกรงกลัวความผิดหรือไม่กล้าทำซ้ำ
แต่อย่างน้อยสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ยังดีกว่าที่จะไม่มีการดำเนินการ หรือไม่ทำอะไรนะคะ แต่ถ้าสามารถทำได้เร็วกว่านี้ หรือ มีบทลงโทษที่เห็นผลชัดเจนกว่านี้ ก็น่าจะดีกว่าที่เป็นอยู่เจ้าค่ะ
*** ตลาดเหรียญดิจิทัล คริปโตเคอเรนซี่ ยังระส่ำไม่เลิก เหรียญลูน่า สัญญลักษณ์ของเกาหลีใต้ ที่เคยทำสถิติ สูงสุด 78.29 $ ตกหนัก เหลือไม่ถึงครึ่งเหรียญ หรือแทบไม่มีมูลค่าใดๆ เหลืออีก
ซ้ำร้ายกระดานไบแนนซ์ เตรียมถอด ลูร่า ออกจากกระดานซื้อขาย
ผลของตลาดดิจิทัล ที่ตกต่ำ ส่งผลมาถึงหุ้นขุดเหมือง และราคาหุ้นกลุ่มตระกูล J ของ อาเฮียอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประกอบไปด้วย JMART JMT SINGER ถูกเทขายออกมาจนราคาหุ้นหน้ากระดาน มีราคาต่ำกว่าราคาหุ้นที่ดีที่สุดในช่วงเดือนเมษายน 2565 ราว 20%
ส่วนหนึ่งจากมุมมองเรื่องกำลังซื้อที่จะหายไป เพราะความรุนแรงของภาวะเงินเฟ้อที่ในภาพรวมดูเหมือนว่า จะไม่สามารถควบคุมได้
ขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็มาจากเรื่องการเก็งกำไรราคาหุ้น ที่มีแต่ข่าวดีท่วมจอที่ส่งออกมา เพื่อดันราคาหุ้นจนเฟ้ออยู่ตลอดเวลา
ที่เจ๊เมาธ์เห็นว่า เป็นประเด็นสำคัญที่สุด ที่มีผลกับหุ้นกลุ่ม J น่าจะมาจากปัญหาของเหรียญดิจิทัล JFIN Coin ซึ่งทาง JMART ตั้งเป้าหมายว่า จะนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัทตระกูล J ถูกธนาคารแห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกเกณฑ์กำกับการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสื่อกลางชำระค่าสินค้าหรือบริการทำให้เหรียญดิจิทัล
เมื่อเหรียญดิจิทัลอย่าง JFIN Coil ไม่สามารถใช้งานได้อย่างที่ตั้งเป้า เหรียญจึงถูกเทขายออกมาจนราคาร่วงลงมาหนักมาก ส่งผลกระทบไปถึงหุ้นใน J อย่าง JMART JMT และ SINGER ทั้งในเรื่องของความน่าเชื่อถือและราคาหุ้นด้วยนั่นเอง
หุ้นตระกูล J นั้นร้อนแรงมาก แต่ตอนนี้ใครลงทุนหุ้น JMART ต่างทุกข์ระทม แค่เดือนเศษจากราคา 63 บาท เหลือ 42 บาทเศษ JMT ราคาร่วงจากราว 69 บาทในเดือนเมษายน เหลือ 65 บาท SINGER ราคาลดฮวบจาก 58 บาทเหลือ 48.50 บาท
*** แม้ตลาดฯ จะไม่เอื้อกับการลงทุน แต่หุ้นกลุ่มพลังงานอย่าง PTTEP ยังคงเป็นหุ้นที่เจ๊เมาธ์คิดว่า มีโอกาสที่จะไปต่อได้อีกไกล ส่วนหนึ่งก็มาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่เหล่ากูรูทั้งหลายมองตรงกันว่า ราคาน้ำมันดิบอาจปรับราคาขึ้นไปได้ถึง 200 ดอลลาร์/บาเรล ในขณะที่ท่อส่งก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย ที่ส่งผ่านทางยูเครนไปยุโรปมากกว่า 25% ของปริมาณทั้งหมด ก็ถูกยูเครนปิด ซึ่งจะส่งผลให้ราคาก็ก๊าซธรรมชาติต้องปรับราคาขึ้นสูงตามไปด้วย และทั้งหมดที่ว่ามาจะส่งผลกระทบในทางบวกไปที่ผลการดำเนินงานของ PTTEP อย่างแน่นอน
ผลการดำเนินงาน 1/65 จะเป็นจุดเริ่มต้น ต่อด้วย 2/65 และอาจจะเป็นบวกในปีนี้ทั้งปี หากว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังไม่ยอมจบ ราคาหุ้นของ PTTEP ก็ยังจะไปต่อได้อีกไม่จบลงง่ายๆเช่นกัน
*** ถ้าใครรู้จักจะรู้ว่าแทบทุกครั้งที่ MTC ของอาเฮียชูชาติ เพ็ชรอำไพ แจ้งผลการดำเนินงานก็จะได้เห็นราคาหุ้นตัวนี้ปรับลงตามมาด้วยทุกครั้ง และหลังจากการปรับราคาลงมาทุกครั้งราคาหุ้นของ MTC ก็จะไต่ราคากลับขึ้นไปอีกเช่นกัน
สำหรับรอบนี้ทั้งที่ผลการดำเนินงาน 1/65 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ แต่ข่าวเรื่องของคุณภาพหนี้ที่น้อยลงกลับทำให้ราคาหุ้นของ MTC ปรับร่วงแรงกว่าที่ควรจะเป็น อย่างไรก็ตาม สำหรับเจ๊เมาธ์การได้เห็นราคาหุ้นของ MTC ปรับลงมาแตะที่ 40 บาท ถือว่าเป็นจังหวะที่น่าเข้ามากที่สุดอีกจังหวะหนึ่งเจ้าค่
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,783 วันที่ 15 - 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2565