*** หุ้นร้อยเด้งอย่าง DELTA และ JTS ได้พิสูจน์แล้วว่า แนวทางธุรกิจและเรื่องของผลการดำเนินงาน อาจจะเป็นแค่เพียงหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปได้สูงๆ ซึ่งหุ้นตัวแรงที่น่าจับตาดูว่า อนาคตอาจจะกลายเป็นหุ้นหลายสิบเด้งอย่าง DITTO เป็นหนึ่งในหุ้นที่พร้อมจะถูกดันราคาขึ้นไปได้อีกไกล เนื่องจากมีคุณสมบัติเดียวกันกับ DELTA และ JTS นั่นก็คือเป็นหุ้นที่แนวทางการดำเนินธุรกิจและผลการดำเนินงานไม่เป็นไปอย่างสอดคล้องกับราคาหุ้น ซึ่งคุณสมบัติที่เจ๊เมาธ์กำลังพูดถึงนี้ ก็คือเรื่องของปริมาณการซื้อขายหุ้นในแต่ละวัน...หรือจำนวนหุ้นที่อยู่ในแต่ละช่องทั้งฝั่งซื้อและขายมีจำนวน ที่ค่อนข้างน้อยจนทำให้การดันราคาหุ้นทำได้ง่ายกว่าปกตินั่นเอง
เจ๊เมาธ์ไม่ได้จะบอกว่าหุ้นอย่าง DITTO ที่กำลังพูดถึงนี้ดีหรือไม่ดี แต่สิ่งที่เจ๊กำลังจะบอกก็คือ ถ้าใครเจอหุ้นที่ราคากำลังปรับราคาขึ้นแบบพีคๆ แต่ปริมาณการซื้อขายแทบจะไม่เปลี่ยนแปลง หรือดูมีอาการไม่ตื่นเต้นกับราคาหุ้นที่กำลังปรับเพิ่มขึ้น ก็แนะนำว่าควรจับตาดูหุ้นตัวนั้นเอาไว้ให้ดี เพราะไม่แน่ว่าอาจจะได้เจอโคตรหุ้นขึ้นมาแล้วก็เป็นได้
*** BDMS และ BH คือหุ้นโรงพยาบาลที่ได้อานิสงส์การยกเลิกการตรวจ RT-PCR ของชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศโดยตรง เนื่องจากในช่วงก่อนโควิด BDMS มีรายได้ที่มาจากลูกค้าต่างชาติคิดเป็น 67% ขณะที่ BH มีรายได้จากชาวต่างชาติที่ 60% ซึ่งรายรับที่ว่านี้ได้หายไปจากระบบของทั้งคู่จากการระบาดของโควิดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน การวางตำแหน่งให้ตัวเองเป็นโรงพยาบาลระดับพรีเมี่ยม ทำให้ทั้ง BDMS และ BH ได้ประโยชน์จากการระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ค่อนข้างจะน้อยเมื่อเทียบกับกลุ่มโรงพยาบาลระดับรองลงไป และด้วยสาเหตุนี้จะทำให้ผลการดำเนินงานของ BDMS และ BH จะกลับเป็นขาขึ้นในยุคหลังโควิด โดยในทางกลับกัน...ราคาหุ้นของกลุ่มโรงพยาบาลระดับรองลงไปที่ปรับตัวขึ้นมาแรงก่อนหน้านี้ก็อาจจะต้องเริ่มออกอาการทรงกับทรุดเพราะจะขาดรายรับที่มาจากโควิดเช่นกัน
*** แม้จะติดแคชฯ ในระดับที่ 3 (T3) แต่หุ้นร้อนตัวแรงอย่าง TEAMG ก็ยังสามารถดันราคาหุ้นให้ไปต่อได้แบบไม่มีปัญหา ซึ่งถ้าหากจะนับรวมกันจริงๆ แล้วก็จะเห็นได้ว่าหุ้นตัวนี้ไล่ราคาขึ้นมาได้ถึง 300% โดยการใช้เวลาเพียงเดือนเดียว โดยใช้เวลา 10 วันทำการในการดันราคาขึ้นมา 80% หลังจากการติดแคชฯระดับที่1 (T1) และใช้เวลา 3 วันทำการในการดันราคาขึ้นมา 30% หลังการติดแคชฯในระดับที่ 3 (T3) ซึ่งถ้าจะสรุปเอาแบบง่ายๆ ก็คือยิ่งติดแคชฯ ในลำดับที่สูงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดูเหมือนว่าจะเป็นการเร่งกระแสให้ราคาหุ้นถูกดันขึ้นมาเร็วกว่าเดิมนั่นเองเจ้าค่ะ
*** เจ๊เมาธ์ได้ยินมาว่ามีแค่เสียงหัวเราะโดยไม่มีคำตอบที่ชัดเจน หลังจากที่มีผู้ไปสอบถามผู้หลักผู้ใหญ่ในตลาดฯ ว่าทางผู้ดูแลที่เกี่ยวข้องจะมีการดำเนินการอย่างไรในกรณีที่นักลงทุนได้รับความเสียหายหลังจากที่ EA ถูกข่าวออนไลน์ซึ่งหาแหล่งที่มาไม่ได้โจมตีจนราคาหุ้นร่วงลงไปเกือบๆ 15% ส่งผลให้มาร์เก็ตแคปของ EA หายไปกว่า 6 หมื่นล้านบาท
อืม...เอาตรงๆ นะคะ เจ๊เมาธ์บอกเลยว่าเรื่องหุ้นตกไม่ใช่เรื่องสนุก...โดยเฉพาะหุ้นตกเพราะมีข่าวโคมลอยประเภทเดียวกันกับที่ทาง EA โดนเข้าไปแบบนี้ ดังนั้น เจ๊เมาธ์จึงอยากเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในการกำกับดูแลตลาดฯ มีความจริงจังเกี่ยวกับการดำเนินงานในเรื่องที่อ่อนไหว กับผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นรายย่อย ซึ่งไม่สามารถปกป้องตัวเองจากกลุ่มทุนใหญ่ได้ให้มากกว่านี้ ก็ขอให้ทำในสิ่งที่ควรทำ...ส่วนเรื่องที่ไม่จำเป็นก็อย่าไปยุ่งกับมันให้มากเกินไปนะคะ ขอร้องเลยค่ะ
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,777 วันที่ 24 - 27 เมษายน พ.ศ. 2565