เรื่องพระสงฆ์ องค์เจ้า ทั้งหนุ่ม ทั้งชรา ก่อเรื่องเหม็นวงการ ไม่เคยแผ่วจากหน้าสื่อมวลชนเลย เกิดติดๆ กันเข้าทำนองความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก ทำเอาชาวพุทธไทย ที่รักพระพุทธศาสนารู้สึกอับอายสาวกศาสนาอื่นเป็นกำลัง
เช่น เรื่องสมีกาโต๊ะ อดีตพระหนุ่มวัย 23 แห่งนครศรีธรรมราช ที่เสพเมถุนกับสีกา ยังไม่ทันจืดจางก็เกิดกับหลวงปู่แสง ญาณวโร วัยชรา อายุ 98 ปี ขึ้นมาซ้อนๆ กัน
หลวงปู่ผู้ชรา แห่งที่พักสงฆ์บ้านดงสว่าง อ.ป่าติ๋ว จ.ยโสธร ถูกกล่าวหาว่าทำเรื่องที่ไม่ ควรทำ โดยมีคลิป ยืนยันว่า ท่านลวนลามสตรีสาว ที่กราบบนอาสน์สงฆ์ โดยมีศิษย์ผู้ชายอยู่ใกล้ๆ ส่วนหลวงปู่ผู้ชราท่านจับโน่นนิด นี่หน่อย เรื่อยไป จนถึงขอสงวน บอกว่าทำเพื่อรักษาโรค
เมื่อเรื่องถูกเปิดโปง บรรดาศิษย์แก้ตัวว่าท่านเป็นอัลไซเมอร์ หลงๆ ลืม ๆ และอายุขนาดนี้หมดความรู้สึกทางเพศแล้ว
เรื่องแบบนี้พูดลอยๆ ไม่ได้จึงหาหนังสือพระวินัยของพระว่าด้วยสังฆาทิเสส สิกขาบที่ 2 มาศึกษา ท่านบัญญัติว่าพระภิกษุกำหนัด มีจิตแปรปรวนเคล้าคลึงกายกับหญิง คือจับมือก็ตาม จับช้องผมก็ตาม ลูบคลำอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งก็ตาม ต้อง(เป็น) อาบัติสังฆาทิเสส
อาบัตินี้ เป็นอาบัติหนัก แต่ไม่ถึงกับขาดจากความเป็นพระภิกษุ ในวงการ พระภิกษุใดทำถือว่าอับอาย และเป็นที่รังเกียจพอๆ กับปาราชิกทีเดียว
การจะบริสุทธิ์จากอาบัตินี้ได้ ต้องอยู่กรรม หรือปริวาสกรรม เป็นการลงโทษสถานหนักของภิกษุนั้น โดยคณะสงฆ์
ที่ลูกศิษย์ว่า ท่านเป็นอัลไซเมอร์ ไมรู้เรื่องแล้ว จริงหรือ เพราะเห็นข่าวทางทีวี ท่านก็ยังอยากจับต้องของสงวน ซึ่งตามพระวินัยไม่มีข้อยกเว้น นอกจากบ้า
เพื่อให้เห็นการเกิดอาบัตินี้ในอดีต จึงนำต้นบัญญัติมาเล่า อาบัติข้อนี้เกิดแต่สมัยพุทธกาล
เรื่องมีอยู่ว่าพระภิกษุรูปหนึ่งชื่ออุทายี มีกุฏิในป่า ใกล้พระเชตวันวิหาร กุฏินี้ได้รับการตกแต่งอย่างงาม จัดวางทุกอย่างเป็นระเบียบ ทำให้ใครๆ ก็อยากไปทัวร์ ท่านอุทายี เจ้าของกุฏิ ก็ยินดีพาทัวร์เองเลย
ต่อมาพราหมณ์สามี ภรรยา คู่หนึ่งไปขอชม ท่านอุทายี ก็ใจดีเหมือนเดิม พาทัวร์ แล้วเปิด ปิดหน้าต่างตามไป จนกระทั่งเดินตามหลังนางพราหมณีสาว พระอุทายี ก็ฉวยโกาสจับต้อง หรือลวนลามนางนั้น ตลอดที่พาทัวร์
เมื่อเสร็จจากทัวร์ พราหมณ์ผู้ผ้วก็ชมเชยว่าพระที่นี่มีอัธยาศัยกว้างขวางแม้จะอยู่ป่าก็ตาม นางเมียบอกว่าอะไรกัน จึงบอกความจริงว่าท่าน(สามี) เคยจับต้องอวัยวะฉันอย่างไร พระอุทายี ก็จับอย่างนั้นเหมือนกัน
เรื่องนี้มีผู้กราบทูลพระพุทธเจ้าที่เชตวันมหาวิหาร พุทธองค์สอบสวน ได้ความจริง จึงประชุมสงฆ์ แล้วทรงบัญญัติสิกขาบทนี้ ขึ้นมา พระอุทายี จึงเป็นต้นบัญญัติ ห้ามพระอื่นเลียนแบบ
อย่างไรก็ตามในเมืองไทยเรื่งหลวงปู่แสงตอนนี้กลายเป็นข้อโต้แย้งกัน มีทั้งผู้ปกป้องว่าท่านหลวงปู่เป็นถึงศิษย์หลวงปู่มั่น ซึ่งเป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ของสายพระป่า เป็นอริยะ ไม่น่าจะทำอย่างนี้ อีกกลุ่มหนึ่งว่าลูกศิษย์นั่นแหละตัวดีที่ทำให้มัวหมอง
ณ บัดนี้ ผู้ที่จะทำเรื่องนี้ให้หายข้องใจ คือประธานฝ่ายปกครองที่ มส.แต่งตั้งเมื่อเร็วๆ นี้ ได้แก่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท) เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก แต่สงสัยว่าท่านสมเด็จคงทำอะไรไม่ได้ เพราะหลวงปู่แสง เป็นพระป่า สังกัดธรรมยุตนะครับ คงให้ธรรมยุตจัดการกันเอง มากกว่า
ส่วนหมอปลา มือปราบสัมภเวสี ที่บุกสำนักหลวงปู่แสง ทัวร์กำลังลง จึงมีอารมณ์พิศวง งงงวย กับสิ่งที่ตนทำ แม้จะหวังดีต่อศาสนา แต่คนไม่ชอบก็กล่าวหาว่า ประสงค์ร้ายเสียมากกว่า
หมอปลาเอ๋ย อย่าน้อยใจเลย ให้นึกถึงภาษิต หลวงวิจิตรวาทการว่า
จงทำดี แต่อย่าเด่น จะเป็นภัย เพราะไม่มีใครเขา อยากเห็นเราเด่นเกิน
เชื่อเถอะเรื่องส้มภเวสี มีให้ปราบเรื่อย ๆ เพราะคนคือพระ พระคือคน ย่อมมีผิดพลาด แม้จะเป็นส่วนน้อยก็ตาม