เอาใจช่วย “ชัชชาติ” ทำเมืองกรุงให้น่าอยู่

05 มิ.ย. 2565 | 06:19 น.
อัปเดตล่าสุด :05 มิ.ย. 2565 | 13:29 น.

คอลัมน์ฐานโซไซตี โดย...ว.เชิงดอย

*** คอลัมน์ฐานโซไซตี หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3789 ระหว่างวันที่ 5-8 มิ.ย.2565 โดย “ว.เชิงดอย” ประจำการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่มีสาระ เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะเช่นเคย
    

*** คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประทับรับรอง ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ให้เป็นผู้ว่าฯ กทม. คนที่ 17 อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2565 ที่ผ่านมา พร้อมกับสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) อีก 45 คน 45 เขตจากทั้งหมด 50 เขต ยังติดตรวจสอบเรื่องต่าง ๆ อยู่อีก 5 คน 5 เขต แต่แม้กกต.จะรับรอง ส.ก.แล้วแค่ 45 คน ก็เพียงพอครบองค์ประชุมที่จะทำให้ สภา ส.ก. เรียกประชุมสภาเพื่อคัดเลือก “ประธาน ส.ก.” เพื่อเดินหน้าเริ่มทำงานกันได้แล้ว ว่าแต่ว่า...จะรีรอ “รออะไรอยู่” หรือเปล่าเท่านั้น 

+++ สำหรับ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เมื่อได้รับรองให้เป็นผู้ว่าฯ กทม.อย่างเป็นทางการ ก็ได้เข้าศาลาว่าการ กทม.ทันที เพื่อร่วมประชุมมอบนโยบายให้กับข้าราชการเพื่อไปปฏิบัติ โดยเฉพาะแนวนโยบายที่ได้หาเสียงไว้กว่า 200 ข้อ ขณะเดียวกันก็ได้เปิดตัวทีมผู้บริหาร อันประกอบด้วย รองผู้ว่าฯกทม. 4 คน ได้แก่ 1.นายจักกพันธุ์ ผิวงาม อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ยุค พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง 2.นายวิศณุ ทรัพย์สมพล อดีตรองอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและอาจารย์ภาควิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ 3.น.ส.ทวิดา กมลเวชช คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ 4.นายศานนท์ หวังสร้างบุญ สมาชิกกลุ่ม TRAWELL และผู้ร่วมก่อตั้ง Once Again HOTEL


*** ไปดูทีม “คณะที่ปรึกษา” ของ ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ แต่ละคนล้วนไม่ธรรมดา ประกอบไปด้วย นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA), พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม, น.ส.วิลาวัลย์ ธรรมชาติ อดีต ส.ก.เขตจตุจักร พรรคเพื่อไทย , นายต่อศักดิ์ โชติมงคล อดีตผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ, พล.อ.ท.นพ.อนุตตร จิตตินันทน์ ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย, พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี อดีตที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, นายอรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี อดีตที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม., นายภาณุมาศ สุขอัมพร (เครือข่ายผู้พิการสื่อสารสังคม), นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ อดีตแกนนำกลุ่มคนรุ่นใหม่ประชาธิปัตย์ (NEW DEM) พรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ เลขานุการผู้ว่าฯ กทม. คือ นายภิมุข สิมะโรจน์ อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย

*** เมื่อทีมงานของ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ปึ๊กขนาดนี้ 4 ปีต่อนี้ไปก็ต้องทำให้ได้ตาม “สัญญาประชาคม” ที่เคยให้ไว้กับประชาชน ในระหว่างการหาเสียง …ย้อนไปดูกันหน่อยว่า ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เคยหาเสียงอะไรไว้บ้าง เขาเคยหาเสียงไว้ว่า จะผลักดัน 214 นโยบาย ที่มาพร้อมกับแคมเปญ "สร้างกรุงเทพฯ ที่ดีกว่าเดิม" หรือ Better Bangkok เมื่อ 30 พ.ย.2562 ที่เคยประกาศตัวลงผู้ว่า “สิ่งที่ผมอยากเห็น คือ กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่ สำหรับทุกคน"  


*** ระหว่างการหาเสียง ชัชชาติ ได้ประกาศนโยบายที่จะพัฒนาแก้ไขปัญหากรุงเทพฯ 214 นโยบาย ผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน นั่นคือโจทย์หลักที่ใช้ในออกแบบนโยบาย นำมาสู่นโยบาย 9 ดี ซึ่งนโยบายทั้งหมดมุ่งไปสู่ “เมืองน่าอยู่” ประกอบด้วย “ปลอดภัยดี-สุขภาพดี-สร้างสรรค์ดี-สิ่งแวดล้อมดี-บริหารจัดการดี-เรียนดี-โครงสร้างดี-เศรษฐกิจ-เดินทางดี” 


*** ชัชชาติ บอกว่า สิ่งที่อยากเห็นนี้มีส่วนสำคัญ 2 ส่วนคือ “เมืองน่าอยู่” หมายถึงการที่เราสามารถหาความสุขได้อย่างพอดีจากการอยู่ในเมืองนี้ มีที่อยู่อาศัยที่ดี น้ำไม่ท่วม ไม่เน่า ขยะได้รับการจัดการ มีพื้นที่สาธารณะที่พอเพียง มีพื้นที่สีเขียวให้เราออกไปใช้ชีวิตได้ มีอากาศบริสุทธิ์ที่เราหายใจได้เต็มปอด มีการเดินทางที่สะดวก มีการศึกษา การเรียนรู้ที่ดีให้กับทุก ๆ คน มีการรักษาพยาบาลที่เข้าถึงง่าย สิ่งเหล่านี้คือพื้นฐานสำคัญที่เราควรจะได้รับจากเมือง


*** นโยบาย “สำหรับทุกคน” ชัชชาติ บอกว่า เป็นเรื่องง่ายที่เราจะทำกรุงเทพฯ ให้เป็น “เมืองน่าอยู่สำหรับบางคน” สำหรับพวกเราที่สามารถมีที่อยู่อาศัยติดรถไฟฟ้า ส่งลูกไปโรงเรียนดี ๆ กลางเมือง เจ็บป่วยไปโรงพยาบาลเอกชนได้ตลอดเวลา มันไม่ยากเลยที่กรุงเทพฯ จะเป็น “เมืองน่าอยู่” แต่สำหรับพวกเราอีกจำนวนมาก ที่ต้องเดินทางเป็นชั่วโมงเพื่อไปทำงานในแต่ละวัน วิ่งหาโรงเรียนดี ๆ ให้ลูก เวลาเจ็บป่วยต้องไปรอหมอครึ่งค่อนวัน หรือ ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ที่เดินทางลำบาก ไม่สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือต่าง ๆ ได้ อย่าว่าแต่คำว่า “น่าอยู่”เลย แค่การใช้ชีวิตให้ผ่านไปในแต่ละวันในกรุงเทพฯ ก็เป็นเรื่องท้าทายแล้ว การทำกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน จึงเป็นความตั้งใจ ความท้าทาย เป้าหมาย ที่เราจะต้องมุ่งมั่น ร่วมมือร่วมใจกัน ทำให้สำเร็จให้ได้ …นโยบายดี ทีมงานปึ๊ก ก็ขอเอาใจช่วยให้ “ชัชชาติ” และทีมงานเดินหน้าทำงานให้ประสบความสำเร็จ พวกเราในฐานะ “คนกรุง” ก็จะติดตามการทำงาน และคอย “ทวงสัญญา” ที่ท่านเคยหาเสียงไว้
    

*** ล่วงอีกราย สำหรับ “สำลี รักสุทธี” เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้สมาชิกภาพการเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย จากเหตุเคยต้องคำพิพากษาของศาลจังหวัดมหาสารคาม ในคดีหมายเลขดำที่ อ.4064/2561 คดีหมายเลขแดง ที่ อ.13 4/2562 อันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา โดยให้มีผลนับแต่วันที่ 24 มี.ค.2562 เนื่องจากคดีดังกล่าวมีคำพิพากษาก่อนที่จะมีการสมัครรับเลือกตั้ง  ซึ่ง นายสำลี ย่อมรู้ตัวอยู่แล้วว่า กรณีดังกล่าวเป็นลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ยังคงลงสมัคร สำหรับ สำลี รักสุทธี  ถูก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะ ส.ส. จากกรณีต้องโทษคดีทะเลาะกับสถานบันเทิงที่อยู่ข้างบ้าน และศาลสั่งจำคุก แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา และให้บำเพ็ญประโยชน์ เดิม สำลี เคยเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ และได้ย้ายไปพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ...