การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐา1 นัดแรก วันที่ 13 กันยายน 2566 ผ่านพ้นไปอย่างสวยงาม เชื่อว่าหลายคนแอบลุ้นในใจว่า ทำได้ตามที่หาเสียงไว้หรือไม่!? แต่ในที่สุดก็ทำได้ตามที่รับปากกับพี่น้องประชาชน ว่าจะทำทันที แม้เป็นแค่มาตรการชั่วคราวก็ตาม อย่างลดค่าไฟ-นํ้ามัน ยกเลิกวีซ่าเข้าไทย สำหรับจีน-คาซัคสถาน 5 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงต่างชาติเข้าไทย ตามเป้าหมาย คงภาษี VAT 7% ต่ออีก 1 ปี จ่ายเงินเดือนข้าราชการ 2 งวด ช่วยสภาพคล่อง เริ่ม 1 มกราคม 2567 ประเด็นหลัง มีเสียงค้านไม่เห็นด้วยจากหมู่ ข้าราชการ กระทรวง ทบวง กรม อย่างอื้ออึง เพราะเงินเท่าเดิม
เพิ่มเติม คือ ความไม่มั่นใจว่าจะชักหน้าถึงหลังได้หรือไม่ มีเงินจ่ายพอกับหนี้ที่ก่อไว้พอที่จะรั้งไปจ่ายในช่วงปลายเดือนหรือไม่ เพราะเงินเดือนถูกแบ่งครึ่ง ที่สำคัญ ภาระวุ่นวายจะตกอยู่กับคนทำบัญชี เบิกจ่าย แต่สิ่งที่คนราชการอยากได้มากกว่า คือ ปรับเงินเดือน เพิ่มค่าครองชีพ นี่คือ การแก้ปากท้องที่พวกเขาหวังไว้
ส่วนมาตรการ เงินดิจิทัล 10,000 บาท สร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจ ด้วยเงินก้อนมหึมา 5.6 แสนล้าน ยังไม่ออกมาแต่เป้าหมาย มาแน่เดือนแห่งความรัก “กุมภาพันธ์” 2566 รวมถึงลดค่าครองชีพ ค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20บาท สายสีแดง ของ การรถไฟแห่งประเทศไทย และ สายสีม่วง ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ที่ลงทุนเอง 100% จริงๆ ทำได้ทันที เพราะสายสีม่วง เคยลดราคาอยู่แล้วที่ 20-25 บาท ช่วง รัฐบาลประยุทธ์ เพื่อจูงใจคนเข้าใช้บริการ ช่วงที่ไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วน แต่เข้าใจว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะขอทอดเวลาสร้างการจดจำ เป็นของขวัญปีใหม่ปี 2567
ส่วนที่คนรอฟังมากที่สุดคือ สายสีเขียว และ สายสีนํ้าเงิน เห็นว่าต้องรอเจรจากับเอกชนผู้รับสัมปทานอีก 3 เดือน ถ้าทำได้ 20 บาทตลาดสาย และ ทุกเส้นทาง 8 สาย รวมสายสีชมพูด้วยแล้ว การเลือกตั้งสมัยหน้า พรรคสีแดง “เพื่อไทย” ต้องมาอีกแน่!
เหนือสิ่งอื่นใด รัฐบาลเศรษฐา1 อย่าลืม มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ หนึ่งในเคลื่อนยนต์หลักกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ อุตสาหกรรมต้นนํ้า ทำให้หลายอุตสหกรรมที่เกี่ยวเนื่องเติบโตตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นแรงงาน ผู้รับเหมา วัสดุก่อสร้าง และอื่นๆ จิปาถะ
แต่เวลานี้อสังหาริมทรัพย์กำลังแย่ กำลังซื้อทรุดฮวบ ติดลบกันระนาวยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่งปรี๊ด จากสถาบันการเงินเข้มงวด เพราะขยาดกับหนี้ครัวเรือน สต๊อกที่อยู่อาศัยล้นเมือง
ผู้ประกอบการ รอคอยความหวัง เพราะนายกรัฐมนตรี เคยเป็น ซีอีโอ มาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เบอร์ต้นๆ ของเมืองไทย แต่ขณะนี้ยัง “เงียบกริบ” เข้าใจจะต้องรอกันอีกระยะ เพราะหากเข็นออกมาตั้งแต่ไก่โห่ รับรอง โดนโห่ หมุนตัวกลับไม่ทันแน่ เพราะมีคนจับจ้องกล่าวหาว่า จะเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง! ซึ่งเรื่องนี้ผู้ประกอบการ และคนซื้อบ้าน ต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวาน เพราะมาตรการแอลทีวี ลดค่าโอน บ้านราคาเกิน 3 ล้านบาท สนับสนุนต่างชาติซื้อที่อยู่อาศัยได้เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นประเด็นหลัก ที่ผู้ประกอบการร้องขอ ซึ่งไม่แน่ใจจะได้ หรือไม่ แต่อย่านาน และอย่าลืมแค่นั้นเป็นพอ!!