ตลอดระยะเวลา 10 วันที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา
ที่ถูกจับตาคือ “ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับใหม่” หลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 3 มีนาคม 2567 ที่มีนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน นั่งหัวโต๊ะ มีมติอนุมัติในหลักการร่าง พ.ร.บ.ฯ ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอ เพราะมองว่าถึงเวลาที่ พ.ร.บ.เดิม ต้องมีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
สาระสำคัญหลายด้านที่ถูกพูดถึง มีทั้งเรื่องของคำนิยามใหม่ การสื่อสารการตลาด ปัญหาจากการบริโภค รวมไปถึงการกำหนดปริมาณแอลกอฮอล์ในเครื่องดื่ม
แต่ที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ เมื่อนายกฯ สั่งการให้ไปดูเนื้อหารายละเอียดเพิ่มเติม โดยต้องคำนึงถึงความสมดุลระหว่างมิติด้านสุขภาพ และมิติกระตุ้นทางเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว โดยให้คณะทำงานตรวจสอบรายละเอียดสิ่งที่ภาคการท่องเที่ยวต้องการ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ การผ่อนปรนเพื่อการค้า พร้อมเสนอกลับมาในครม.ภายใน 1 สัปดาห์
แต่ก่อนจะถูกส่งกลับเข้าครม. ก็มีหนังสือร่อนไปยังหน่วยงานต่างๆ ให้เร่งดำเนินการ เพื่อให้ทันต่อข้อสั่งการของนายกฯ ก็เหมือนเป็นการจี้ให้ต้องหยิบเรื่องของมาตรการควบคุมการขาย เรื่องเวลาและสถานที่ให้มีความยืดหยุ่น หลักเกณฑ์การควบคุมฉลาก บรรจุภัณฑ์ และมาตรการควบคุมการโฆษณา ให้ชัดเจน และ เหมาะสม กับบริบทของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งเสริมภาคธุรกิจการท่องเที่ยวและบริการ
ตามด้วยสดๆ ร้อนๆ เมื่อที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ วันที่ 11 มีนาคม 2567 มีมติเห็นชอบร่างระเบียบและคำสั่ง 5 ฉบับรวด เนื้อหาหลักเป็นการให้คณะทำงานไปศึกษาข้อมูล ทั้งมิติด้านสุขภาพ และ มิติทางเศรษฐกิจ ดูเรื่องของการขยายกำหนดเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อสนับสนุนกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจแบบเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน
รวมไปถึงการบังคับใช้กฏหมายเรื่องการห้ามขายให้แก่เด็กและเยาวชนที่มีอายุตํ่ากว่า 20 ปี การห้ามจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ลด แลก แจก แถม ห้ามขายนอกเวลาที่กฎหมายกำหนด ห้ามจำหน่าย/ห้ามบริโภคในสถานที่ที่กฎหมายกำหนด รวมถึงอนุญาตให้ดื่มแอลกอฮอล์ในสนามกีฬา งานแสดงคอนเสิร์ต และในโรงแรมได้
เหมือน “โยนอ้อยเข้าปากช้าง” เพราะเป็นที่รู้กันว่า โพยที่ภาคเอกชน แกนนำกลุ่มทุนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมไปถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร โรงแรม สถานบันเทิง ผับ บาร์ ต่างผนึกกำลังผลักดันเรื่องนี้มานานมากโข
ถึงเวลา “ปล่อยผี” แล้วจริงๆ หรือ