เมื่อต้นอาทิตย์ที่ผ่านมา ข่าวการเข้ายึดเมืองลาซิว ซึ่งเป็นเมืองเอกของอัพเปอร์ฉานสเตท หรือเมืองเอกทางภาคเหนือของรัฐฉาน เริ่มดังขึ้นๆ มากๆ จนทำให้อดคิดไม่ได้ว่า นี่เกิดขึ้นจริงเหรอ ผมจึงเข้าไปเช็คข่าวจากหนังสือพิมพ์ของเมียนมาทางออนไลน์ ที่มีทั้งหนังสือพิมพ์ที่ถือข้างฝ่ายรัฐบาลและถือข้างฝ่ายต่อต้าน เพื่อทำให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นครับ
โดยปกติเวลาที่มีข่าวจากภาคเหนือของรัฐฉาน ผมจะใช้วิธีการโทรศัพพ์ไปหาเพื่อนที่อาศัยอยู่ที่เมืองลาซิว แต่ช่วงหลังๆ มานี้ เพื่อนคนดังกล่าวปัจจุบันนี้ ได้ย้ายออกไปอยู่ที่ไหนไม่ทราบได้? เพราะติดต่อไม่ได้เลย บางข่าวก็บอกว่าเขาได้เข้ามาอยู่ในกรุงย่างกุ้งแล้ว แต่โทรศัพพ์ใช้ไม่ได้แล้วเลยติดต่อไม่ได้ครับ แรกๆ ที่ข่าวเมืองลาซิวออกมาแรงๆ ผมก็ฟังหูไว้หู เพราะระยะหลังๆ มานี้ ข่าวปลอมหรือข่าวลวงออกมาเยอะมาก โดยเฉพาะข่าวที่เป็นภาษาจีน ที่มีให้เห็นทางโต่วยิงหรือติกตอก ส่วนใหญ่มักจะมีข่าวปลอมออกมาเยอะ
ดังนั้นโดยปกติแล้ว ผมต้องได้ข่าวที่แม่นยำชัดเจนจริงๆ ผมจึงจะนำมาเล่าให้ฟังครับ อีกอย่างถ้าแฟนคลับคอลัมน์นี้สังเกตให้ดีๆ จะทราบว่าผมไม่ค่อยอยากเอาข่าวการเมืองหรือข่าวความไม่สงบมาเล่า เพราะมันเป็นดาบสองคม ที่สามารถทำลายความสัมพันธ์ที่ดีของประชาชนทั้งสองประเทศ ผมจึงไม่ค่อยมีข่าวเล่าประเภทนี้ครับ
สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่เปิดศึกสู้รบ มาตั้งแต่ยุทธการ 1027 ของการรวมตัวของพันธมิตรสามฝ่าย อันประกอบด้วยกองกำลังโกก้าง (MNDAA) กองกำลังอาระกัน (AA) และกองทัพปลดปล่อยตะอ่าง (TNLA) ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2023 ซึ่งพวกเราจะได้เห็นข่าวที่ออกมาเยอะมาก โดยเฉพาะข่าวที่ออกมาว่า เมืองลาซิวได้ถูกพันธมิตรสามฝ่ายเข้ายึดครองทั้งหมดแล้ว ผมก็ต้องฟังหูไว้หูเช่นเดิมครับ แต่จากการตรวจเช็คข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์ของเมียนมา จึงทราบว่าการปฏิบัติการครั้งนี้ มีมาจากกองกำลังโกก้างเป็นหลัก ก่อนที่เล่าต่อว่าเหตุการณ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไร? ผมขออนุญาตเล่าถึงกองกำลังโกก้าง ที่กำลังเป็นแนวหน้าในการปฏิบัติการในครั้งนี้ก่อนว่า เขาเป็นใคร?ใครเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด? จะได้เข้าใจง่ายขึ้นครับ
กองกำลังโกก้างมีอีกชื่อหนึ่งว่า “กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา” (Myanmar National Democratic Alliance Army :MNDAA) เป็นกลุ่มกองกำลังต่อต้านติดอาวุธ ในเขตภูมิภาคโกกังของเมียนมา กองกำลังนี้มีมาตั้งแต่ปี 1989 นำโดยสองพี่น้องตระกูลเผิง ผู้พี่มีชื่อว่า “เผิง เจีย ฟู่” น้องชายชื่อว่า “เผิง เจีย เซิน” ถ้าเราจำกันได้ในช่วงยี่สิบปีก่อน รัฐบาลเมียนมาได้จัดการประชุมเจรจาสันติภาพขึ้น กองกำลัง MNDAA เป็นกลุ่มแรก ที่ลงนามข้อตกลงหยุดยิงกับรัฐบาลเมียนมาในยุคนั้น
ซึ่งเป็นการหยุดยิงมาเป็นเวลานานประมาณสองทศวรรษ ทำให้เมียนมาได้กลับมาเริ่มต้นเขียนรัฐธรรมนูญฉบับปี 2008 และนำมาใช้จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเมื่อปี 2021 นั่นแหละครับ ต่อมาเมื่อปลายปี 2023 กองกำลังกลุ่มนี้ ได้ร่วมกับกองกำลังอาระกันและกองทัพปลดปล่อยตะอ่าง ดำเนินการออกมาปฏิบัติการ 1027 ดังที่ผมเคยเล่าให้ฟังมาแล้ว และได้ถูกกองทัพรัฐบาลส่งกองทัพเข้าไปจัดระเบียบ เมื่อต้นปีที่ผ่านมาก็เงียบหายไปช่วงหนึ่ง และกลับมาโด่งดังอีกครั้ง ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เพราะได้มีการปฏิบัติการต่อต้านรัฐบาลที่เข้มข้นมากขึ้นนั่นเองครับ
กลับมาที่ข่าวที่กำลังมีในช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ และข่าวจากโต่วยิง (ติกตอกของจีน) ที่เห็นภาพสู้รบกันในเมืองลาซิว รัฐฉานเป็นรัฐที่มีพื้นที่ใหญ่พอๆ กับภาคอิสานของไทยเรา เขาจึงแบ่งเมืองเอกออกมาเป็นสองเขต คือ อัพเปอร์ฉานหรือฉานตอนเหนือ เมืองเอกคือเมืองลาซิว ส่วนโลเวอร์ฉานหรือฉานตอนใต้ เมืองเอกคือเมืองตองจี ซึ่งผมต้องขออธิบายว่า ทั้งสองเมืองนี้ผมเคยไปมาก็หลายครั้งแล้ว ถ้าเราเดินทางไปเมืองลาซิวโดยรถยนต์ ก่อนเข้าเมืองเราจะเห็นค่ายทหารใหญ่ ที่ด้านหน้าของค่ายทหาร จะมีรูปปั้นของมหากษัตริย์สามพระองค์ อันมีพระเจ้าอโนรธา พระเจ้าบุเรงนอง(บะยิงน่อง) และพระเจ้าอลองพญา ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหน้าทางเข้าค่ายทหาร
ซึ่งค่ายแห่งนี้เป็นค่ายทหารใหญ่มากของรัฐฉาน หรือเฉียมสเตท พอเลยเข้าสู่เมือง ก็จะเห็นเมืองที่มีตึกรามบ้านช่องเยอะมาก ช่วงหลังๆ มาก่อนที่จะเกิดโรคระบาดโควิด-19 ที่รุนแรง เมืองนี้ซึ่งเป็นทางผ่านเข้าสู่ประเทศเมียนมาของกลุ่มชาวจีนยูนนาน จึงมีความเจริญและคึกคักเป็นพิเศษ ประชาชนส่วนใหญ่ของเมือง เป็นชาวไตโหลง ที่พูดภาษาจีนยูนนานได้ดีพอสมควร ส่วนภาษาไทย เขาก็ฟังเข้าใจดีทีเดียว เพราะภาษาไตหรือไทใหญ่กับภาษาไทย สามารถสื่อสารกันได้ดี ละครไทยยังคงเป็นที่นิยมหามาดูกัน อาหารการกินก็คล้ายๆ อาหารเหนือบ้านเรานั่นเองครับ
การสู้รบในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีการสู้รบกันจริง โดยเฉพาะรอบนอกของเมืองลาซิว ที่กองกำลังโกก้างได้บุกเข้ามาเยอะมาก แต่ภายในเขตตัวเมืองชั้นใน เท่าที่อ่านจากหน้าหนังสือพิมพ์ทั้งสองฝ่าย โรงพยาบาล เรือนจำ และสถานที่ราชการ ยังคงมีเปิดทำการอยู่ ส่วนร้านค้าบางส่วน และโรงเรียนก็ได้ปิดไปบ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของธรรมชาติแดนอันตรายครับ ส่วนการประกาศชัยชนะ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ยังไม่ยืนยันว่า เป็นการชนะกันอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด คงต้องรอดูให้แน่ใจอีกนิดนะครับ
สิ่งที่น่ากังวลใจในวันนี้ก็คือ “ประชาชน” ที่อาศัยอยู่ในเขตรอบนอก ที่มีการอพยพเข้ามาอาศัยอยู่เขตปลอดภัยในเมือง เพราะในความคิดเห็นส่วนตัวของผม ผมเชื่อว่าฝ่ายรัฐบาลคงจะไม่ยอมละทิ้งง่ายๆ คงต้องมีการบุกเอาคืน เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วที่เมืองเมียวดีแน่ๆ เพราะเมืองลาซิวเป็นเมืองเอกของรัฐฉานตอนเหนือ ดังนั้นหากมีการบุกใช้ยุทธการเอาคืน การใช้การรบภาคพื้นดินผสมกองทัพอากาศ ก็อาจจะทำให้ประชาชนตกที่นั่งลำบากอีกแหละครับ ขอส่งแรงใจให้ประเทศเมียนมา จงเกิดความสันติโดยเร็ววันด้วยเทอญ......!!!!