เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมได้เดินทางเข้าไปเมียนมา เพื่อวัตถุประสงค์สองประการ ประการแรกคือการเข้าไปร่วมงานทอดผ้าพระกฐินพระราชทาน โดยสถานทูตไทยประจำกรุงย่างกุ้ง ร่วมกับพสกนิกรชาวไทยที่ประเทศเมียนมา ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณรับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานผ้าพระกฐินนำมาถวายแด่พระคุณเจ้า โดยให้นำไปทอดยังวัด Aung Myay Bone Tha Shan หรือวัดไทยใหญ่ชิตไมล์ และวัตถุประสงค์ที่สองคือ เข้าไปทำการสำรวจตลาดสินค้าไทยในเมียนมา และเข้ามาเสวนากับเพื่อนนักธุรกิจที่กรุงย่างกุ้ง เพื่อสอบถามถึงความชัดเจนในนโยบายใหม่ของรัฐบาลเมียนมาครับ
สำหรับการที่ได้มีโอกาสได้เข้าไปร่วมงานในครั้งนี้ ก็ด้วยความกรุณาจากฯพณฯท่านเอกอัครราชทูตไทยประจำเมียนมา ท่านมงคล วิศิษฏ์สตัมภ์ และท่านทูตพาณิชย์เอกวัฒน์ ธนประสิทธิพัฒนา ได้ส่งข้อความมาเชิญให้เข้าไปร่วมงานบุญครั้งนี้ นับว่าเป็นบุญวาสนายิ่ง ต้องขอกราบขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
วัด Aung Myay Bone Tha Shan เป็นวัดไทยใหญ่ไม่กี่แห่งในกรุงย่างกุ้ง ซึ่งชาวไทยใหญ่ทั่วประเทศที่อาศัยอยู่ในกรุงย่างกุ้ง จะใช้เป็นสถานที่นัดพบและจัดงานประเพณีสำคัญของชาวไทยใหญ่เสมอ เป็นประจำทุกปีที่นี่จะมีการจัดงานวันขึ้นปีใหม่ วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา หรือวัดสำคัญทางพุทธศาสนา ชาวไทยใหญ่จะมาจัดงานกันที่นี่เป็นประจำ ผมเองก็เคยมาร่วมงานที่นี่ทุกปีเช่นกัน
งานวัดที่จัดขึ้นที่นี่ จะมีการออกบูธอาหารไทยใหญ่ บางบูธก็ทานฟรี บางบูธก็เก็บเงิน ทุกปีผมจะมาร่วมงานเพื่อหาอาหารไทยใหญ่ทาน เป็นประจำทุกครั้งที่มีงานเสมอ เช่นเดิมครับ งานทอดผ้าพระกฐินพระราชทานครั้งนี้ ผมเลยมาตั้งแต่ไก่โห่เลยครับ พอมาถึงที่วัด พี่น้องชาวไทยใหญ่ก็เชิญเข้าไปนั่งชั้นล่างของอาคารอเนกประสงค์ พอเข้าไปนั่งก็มีน้องๆ สาวสวย เดินเข้ามาถามว่าทานข้าวเช้ามาหรือยัง? จากนั้นก็นำข้าว “งาทะมินฉิ่น” มาเสิร์ฟให้
ข้าวงาทะมิ่นฉิ่นนี้ เป็นข้าวปั้นที่มีข้าวสวย ผสมกับเนื้อปลา ปรุงด้วยรสชาติปั้นเป็นก้อนโตเท่ากำปั้น เครื่องเคียงก็จะมี “ถั่วเน่าทอดกรอบๆ” ผักก็จะเป็นต้นหอม ผักชี พริกสด และที่ขาดไม่ได้คือรากผักชนิดหนึ่ง ที่ผมก็ไม่ทราบว่าจะเรียกว่ารากอะไร? รู้แต่ภาษาจีนยูนนานเรียกว่า “จิ๊วช่ายเกิ่น” รสชาติจะมีกลิ่นที่แรงมากๆ ทานกับงาทะมินฉิ่นจะอร่อยมากๆ จากนั้นก็จะมีชาร้อนๆ มาเสิร์ฟให้ด้วย วันนั้นตอนเช้า ผมทานข้าวต้มที่บ้านมาแล้ว เลยทานต่อไม่ค่อยลง แต่ก็ช่วยกันทานไปเยอะทีเดียวครับ
หลังจากที่ทานข้าวเช้าเสร็จ แขกผู้ใหญ่ที่มาร่วมงานก็ทยอยเดินทางมาถึง พวกเราก็ขึ้นไปบนชั้นสอง ซึ่งเป็นห้องโถงใหญ่ มีผู้มาร่วมงานเยอะมาก ทั้งชาวไทยและชาวเมียนมา คนไทยส่วนใหญ่ต่างสวมใส่เสื้อพระราชทานสีเหลืองมาร่วมงานกัน เสียดายที่ผมไม่มีเสื้อพระราชทานสีเหลืองมาทิ้งไว้ที่บ้านที่กรุงย่างกุ้ง เลยต้องสวมใส่เสื้อสีสุภาพมาร่วมงาน
อย่างไรก็ตามงานถวายผ้าพระกฐินนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศ ได้มอบหมายให้ท่านดุสิต เมนะพันธุ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานในการอันเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาทอดดังวัดดังกล่าว โดยมีพระภัททันตะสุนทรมหาเถระ(ท่านเป็นพระชาวไทยใหญ่) เจ้าอาวาสวัด เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และมีพระอาจารย์ Oxford Sayadew มาร่วมในพิธีด้วย
นอกจากนี้ยังมีแขกผู้มีเกียรติจากฝั่งของเมียนมามาร่วมด้วย เช่น ฯพณฯท่านอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศเมียนมา ท่าน U Nyunt Swe ท่านรองอธิบดีกระทรวงกิจการศาสนาและวัฒนธรรมเมียนมา ท่าน U Myint Zaw ตลอดจนท่านเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศเมียนมา และท่านรองประธานสภาอุตสาหกรรมและสภาหอการค้าแห่งเมียนมา (UMFCCI) U Win Si Thu นอกจากนี้ ยังมีชาวเมียนมาและผู้ประกอบการไทยในเมียนมาร่วมร้อยท่าน มาร่วมทอดผ้าพระกฐินด้วย
พิธีการเป็นไปอย่างสมพระเกียรติ ผมได้พูดคุยกับเพื่อนๆ ที่เป็นชาวเมียนมา เขาก็มีความรู้สึกซาบซึ้งใจมาก ที่ได้รับพระราชทานผ้าพระกฐินในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการได้รับพระมหากรุณาธิคุณในการร่วมกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาของเมียนมา ผมได้อยู่ร่วมงานจนกระทั่งเสร็จพิธี จึงขอนำบุญมาฝากทุกท่านด้วยครับ
หลังจากนั้นผมจึงได้ไปรับผู้ประกอบการไทย ที่เข้าไปสำรวจตลาดร่วมกันอีกสองท่าน เดินทางไปดูตลาดขายส่งที่ภายในกรุงย่างกุ้งต่อ ซึ่งแม้ตลาดย่างกุ้งที่ผ่านเรื่องราวยากลำบากมาก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นโควิด-19 หรือการเปลี่ยนแปลงการปกครอง แต่ตลาดก็ยังคงมีความคึกคักเหมือนในอดีต ไม่ว่าจะเป็นตลาดสดหรือตลาดแบบดั้งเดิมของชาวเมียนมา หรือแม้แต่ตลาดโมเดิร์นเทรด ที่มีทั้งของไทยและของเมียนมา ก็ยังคงคึกคักอยู่เหมือนเดิม
เพียงแต่สินค้าจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าไทยหรือสินค้าจีน ได้หายจากตลาดไปมาก คิดว่าคงเป็นเพราะเกิดจากนโยบายกีดกันการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ เพราะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของรัฐบาลลดลง อีกทั้งเงินสกุลต่างประเทศขาดตลาดไป จึงส่งผลให้สินค้านำเข้า แม้จะเป็นสินค้าจำเป็นสำหรับการดำรงค์ชีวิต ก็นำเข้ามายากมากๆ นั่นเอง
ในช่วงที่ก่อนผมจะเข้าไปครั้งนี้ ก็ได้รับข้อมูลข่าวสารมาว่า ทางการเมียนมากำลังจะนำนโยบายตรวจจับสินค้าที่ไม่มีการขออนุญาตนำเข้า และสินค้าบริโภคที่ไม่มีการขออย. ที่อยู่ในตลาดทั้งหมด ทำให้เกิดการตื่นตระหนกจากผู้ประกอบการนำเข้าสินค้า แต่พอไปถึงที่กรุงย่างกุ้ง ก็ได้รับข้อมูลจากเพื่อนที่เป็นนักธุรกิจชาวเมียนมา และท่านทูตพาณิชย์ไทยประจำเมียนมาว่า นโยบายดังกล่าวได้เลื่อนออกไปก่อน ยังไม่ถูกนำมาใช้ ซึ่งหากนำออกมาใช้จริงๆ คงจะกระทบต่อประชาชนชาวเมียนมาอย่างแน่นอนครับ