การสั่งการของสมองไม่ปกติ

09 ก.ย. 2566 | 00:25 น.

การสั่งการของสมองไม่ปกติ คอลัมน์ ชีวิตบั้นปลายของชายชรา โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีผู้ที่อาศัยในบ้านพักคนวัยเกษียณของผมท่านหนึ่ง มีอาการทางการสั่งการของสมองไม่เป็นปกติ เขามักจะพูดออกเสียงตลอดเวลาว่า “Yes -Yes”เกือบจะตลอดเวลา ซึ่งแรกๆผมเองก็สังเกตุเห็น แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก คิดว่านั่นอาจจะเป็นเพราะว่า เขาต้องการจะตอบอะไรใคร จนกระทั้งทางครอบครัวของเขา ที่โทรเข้ามาพูดคุยกับผม และถามถึงปัญหานี้ว่า เกิดขึ้นเพราะอะไร? ซึ่งตอนแรกก็คิดว่า ช่วงนี้ผมต้องเดินทางไปเวียดนาม จึงไม่มีเวลาจะหาบทวิจัยมาอ่านดู จึงพลัดวันประกันพรุ่ง คิดว่ากลับมาจากเวียดนามแล้วค่อยมาหาสาเหตุจากบทวิจัยดู แต่แล้วก็ยังไม่ได้ทำ จนกระทั้งวันนี้ คุณจินตนาและทีมงาน ได้พาเขาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลปิยะเวท ผมเลยได้เข้าไปด้วย เพื่อจะสอบถามคุณหมอดู ซึ่งท่านก็เมตตาให้คำตอบว่า เขามีอาการ “Cognitive Faction” ซึ่งตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าเจ้าโรคนี้มันเป็นอย่างไร? คุณหมมอก็กรุณาอธิบายให้ความกระจ่างมามากพอสมควร พอกลับถึงบ้านก็รีบเปิด Internet เข้าไปสืบค้นใน website ทันที จึงอยากจะนำมาเล่าให้ทุกท่านอ่านเล่นนะครับ เผื่อว่าท่านใดมีผู้สูงวัยอยู่ข้างกาย และมีลักษณะเช่นนี้ จะได้ทำการช่วยเหลือได้ครับ

ผมเข้าไปอ่านบทวิจัยมาสามบทความ ปรากฎว่ามีอยู่บทความหนึ่ง ซึ่งดีมาก อธิบายได้กระจ่างมาก แต่เสียดายที่เขาสงวนลิขสิทธิ์ ไม่ให้นำไปเผยแพร่ได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีบทความอื่นๆอีกหลายบทความ เขาไม่ให้ก็ไม่เป็นไร...ไม่ง้อครับ หาใหม่ก็ได้ ซึ่งอันที่จริงแล้ว บทวิจัยที่ดีๆควรจะไม่ต้องสงวนมากจนเกินไป เพราะคุณทำการวิจัยมา ก็ควรจะต้องให้เผยแพร่ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ชาตินะครับ ไม่เป็นไรไม่ว่ากันครับ!!

 

โรคนี้ภาษาไทยถ้าจะแปลแบบกำปั้นทุบดิน ก็คือ “โรคการสั่งงานของสมองผิดปกติ” หรือฟั่งชั่นการรับรู้ผิดปกตินั่นแหละครับ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้สูงวัยจะเป็นกันมาก บ้างครั้งตัวของผู้สูงวัยไม่ได้ต้องการจะพูดอะไรเลย แต่ก็งึมงำพึมพำอยู่กับตัวเอง ถ้าเป็นมากก็อาจจะทำให้ไม่รู้สึกตัวว่าพูดอะไรออกไป อย่างเช่นรายที่อาศัยอยู่กับผมนี่ไงครับ ผมถามท่านไปว่า ท่านรู้มั้ยว่าท่านจะตอบตลอดเวลาว่า Yes ท่านก็บอกว่ารู้ แต่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ แต่พอพูดออกไปแล้วถึงรู้ว่าได้พูดไป ซึ่งนี่ก็คืออาการยังเบาไม่หนักหนามาก ทางคุณหมอที่วันนี้ไปพบ ท่านได้ตรวจสอบดูภาพ X-Rayสมอง ที่ทางเราได้นำไปให้คุณหมอดู พอคุณหมอได้อ่านฟิล์มซึ่งทางเราส่งไปให้ มีทั้งระยะเริ่มเป็นจนกระทั้งระยะปัจจุบัน ทำให้เห็นภาพว่าสมองของผู้ป่วยที่เป็นโพรงอยู่รอบด้าน และมีบางโพรงมีน้ำตรงส่วนไหนบ้างได้อย่างชัดเจน ผมโชคดีที่คุณหมอท่านอนุญาตให้เข้าไปรับฟัง และท่านคงจะเห็นผมสนใจซักถาม ท่านจึงอธิบายที่มาที่ไป และการเปรียบเทียบให้ฟังอย่างละเอียดเลยครับ ซึ่งการนำภาพ X-Ray ไปมอบให้กับคุณหมอ เป็นการทำที่ถูกต้องที่สุดครับ เพราะเนื่องจากผู้ป่วยเป็นชาวต่างชาติ ที่ผ่านมาไม่ได้อาศัยอยู่ที่ประเทศไทย และเหตุการณ์พลัดตกหกล้มก็ไม่ได้เกิดที่บ้านเรา อีกทั้งระยะเกิดเหตุก็ทิ้งช่วงเวลาไว้สามปีกว่าแล้ว ดังนั้นควรทำอย่างไรให้แพทย์ได้สามารถเห็นภาพและวินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ จึงควรต้องมีรายงานทางการแพทย์ทั้งหมดติดตัวมาด้วยเสมอนั่นเองครับ

 

ต่อจากนั้นคุณหมอท่านก็ใช้วิธีการทดสอบปฎิกริยาของผู้ป่วย ด้วยการยกสิ่งของออกมา แล้วถามว่านี่คืออะไร? เขาเองจะตอบได้อย่างรวดเร็วทันที จากนั้นคุณหมอก็จะลองให้ทำโจทย์เลขแบบง่ายๆดู ปรากฎว่าเขาเองก็ตอบได้อย่างถูกต้อง ซึ่งคุณหมอท่านเลยวินิจฉัยทันทีว่า อาการยังไม่หนักมาก เพราะเขายังคงสามารถโต้ตอบได้อย่างดีครับ แต่เขามีอาการ Cognitive Faction ซึ่งท่านก็บอกว่า ยังสามารถช่วยได้ ด้วยการให้บริหารสมอง อย่างน้อยวันละสิบเปอร์เซ็นต์ของกิจกรรมทั้งหมด ซึ่งก็มีหลายวิธี เช่น การวาดภาพ การหัดทำแบบฝึกหัดเลขคณิตแบบง่ายๆ หัดพับกระดาษ การเล่นไพ่ หรือทำอะไรก็ได้ที่ให้สมองมีการพัฒนาการได้ไปในทางที่ดี

ผมเองเมื่อเข้าไปดูในบทวิจัยจากการสืบค้น ก็พบว่าผู้ป่วยหรือผู้สูงวัย ควรจะได้รับประทานอาหารที่มีวิตามิน B หลายๆตัว เช่น วิตามิน B1 B2 B3 B5 B6 B7 และ B12 นอกจากนี้ยังมีอาหารอีกหลายประเภท ที่ช่วยบำรุงสมองได้ เช่น โครีน (Choline) ที่มีมากในอาหารประเภทไข่ไก่ หอยทุกชนิด ซึ่งโคลีนเป็นสารตั้งต้นสำหรับการสร้างไมอีลิน ของแอกซอนของเซลล์ประสาท และเป็นสารตั้งต้นของอะเซทิลโคลีน( Acetylcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่สำคัญ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ และจะกระช่วยกระตุ้นความทรงจำให้แก่ผู้ป่วยได้นั่นเองครับ

ยังมีอาหารอีกหลายตัว ที่ช่วยฟื้นให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้ เช่น ไขมันจากน้ำมันตับปลาที่มีโอเมก้า3 ซึ่งจะมีมากในปลาทะเล ฯลฯ เราสามารถหาอ่านเอาเองได้นะครับ วันนี้ก็แค่พอกระตุ้นต่อมอยากรู้ของพวกเราชาวส.ว.ทั้งหลายครับ เพราะอย่าให้ตัวเองที่คอยแต่นั่งหลงๆลืมๆ หรืออย่างเพื่อนผมบางท่าน ที่เอาลูกกุญแจรถใส่ไว้ในกระเป๋า แล้วก็หาไม่เจอ ต้องโทรไปเรียกลูกสาว ที่กำลังยุ่งอยู่กับงาน ให้ขับรถมารับ ดีนะครับที่ตอนหลังยังหาเจอ ต่อไปอย่าลืมเอากระเป๋าเทออกมาทั้งหมดดูก่อน แล้วค่อยเรียกลูกสาวละ ........ฮา