โรคสมองที่ผู้สูงวัยพึงระวัง

13 ม.ค. 2567 | 01:30 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ม.ค. 2567 | 02:46 น.

โรคสมองที่ผู้สูงวัยพึงระวัง คอลัมน์ ชีวิตบั้นปลายของชายชรา โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

ระยะที่ผ่านมานี้ที่บ้านพักคนวัยเกษียณ “คัยโกเฮาส์” ของผม มักจะมีผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับสมองเข้ามาพักอาศัยกับเราอยู่หลายท่าน ซึ่งบางท่านก็เป็นเอามาก บางท่านก็ยังพอทำเนา แต่ทุกรายต่างมีอาการของโรคที่แตกต่างกันออกไป บางท่านเราก็สามารถช่วยในการฟื้นฟูได้ บางท่านก็ลำบากในการช่วยเหลืออย่างยิ่ง จนกระทั่งเพื่อนร่วมงานถึงกับท้อแท้ เราก็ได้แต่ปลอบใจกันเองว่า แม้ว่าเราทำดีแค่ไหน ถ้าผู้ป่วยไม่ให้ความร่วมมือหรือต่อต้านไม่ยอมทานยาทานอาหาร ก็ต้องถือว่า “บุญของเขาทำมาแค่นี้ เขาก็ได้รับกุศลที่เราทำให้เขาได้แค่นี้เช่นกัน” ดังนั้นผมต้องบอกว่า ถ้าผู้สูงวัยยังคง “ดื้อและต่อต้าน” ไม่ยอมรับความช่วยเหลือ หรือไม่ให้ความร่วมมือกับการรักษาฟื้นฟู ก็คงต้องเป็นไปตามที่เขาต้องการละครับ

รายแรกที่จะกล่าวถึงและอยากเล่าสู่กันฟัง ก็ต้องขออนุญาตก่อนว่า ที่ผมจะเล่าทั้งหมดนี้ ไม่ได้ไปพาดพิงในทางที่ไม่ดีต่อใครนะครับ เพียงแต่อยากจะให้เป็นอุทาหรณ์แก่พวกเราชาวสูงวัยทั้งหลายว่า ตอนนี้เรายังแข็งแรงมีพลานามัยสมบูรณ์อยู่ ก็ลองฟังๆไว้บ้างก็ดี เผื่อว่าสักวันหนึ่ง เมื่อเราล้มหมอนนอนเสื่อแล้ว เราจะได้ระมัดระวังตัวหรือปฏิบัติตัวอย่างไรดี เพราะมิเช่นนั้นคงต้องเป็นไปตามที่ตนเองปรารถนาแล้วละครับ

 

คนแรกที่อยากจะเล่านั้น ตอนที่ผมพบเจอท่านครั้งแรก พอได้พูดคุยกับท่าน และมองดูจากสภาพร่างกายแล้ว ผมก็เชื่อว่าท่านมีแนวคิดที่แปลก และมีแนวโน้มว่าจะเป็นโรคทางสมองบางชนิดแน่นอน เพราะท่านจะมองสิ่งรอบกายของท่าน ไปในทิศทางที่ติดลบทั้งหมด อีกทั้งยังเห็นสภาพร่างกายของท่านที่ไม่ค่อยจะแข็งแรงเฉกเช่นบุคคลทั่วไป ผมจึงให้คำแนะนำไปว่า ท่านควรจะต้องรีบออกจากสภาพแวดล้อมในปัจจุบันอย่างเร่งด่วน และจะต้องเปลี่ยนแนวคิดของตนเองให้ได้ก่อน มิเช่นนั้นอาจจะทำให้ท่านมีปัญหาโรคซึมเศร้าตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่ๆ

ตอนแรกท่านก็เชื่อในสิ่งที่ผมแนะนำ แต่ระยะหลังๆ มานี้ ท่านมักจะมีอาการ “ดื้อและต่อต้าน” กล่าวคือ ยังคงมองโลกไปในทางลบ และมีอาการนอนไม่เพียงพอ บางครั้งกลางคืนก็จะตื่นขึ้นมาไม่ยอมนอน อ้างว่าปวดปัสสาวะจนทนไม่ได้ที่จะต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะเป็นประจำ ทางเราจึงให้เริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ด้วยการห้ามดื่มน้ำหลังสามทุ่ม เพื่อจะดูว่าสามารถกลั้นปัสสาวะได้หรือไม่? แต่ก็ไม่เชื่อฟังด้วยการแอบดื่มน้ำอีก

เราทราบได้ในระหว่างที่เราให้พนักงานเฝ้าสังเกตพฤติกรรม สิ่งหนึ่งที่เราสังเกตเห็นจากพฤติกรรมของท่านในระหว่างนั้น ที่ทำให้ท่านนอนไม่หลับก็เพราะท่านชอบนอนเปิดไฟเป็นประจำ เราจึงขออนุญาตให้ท่านปิดไฟนอน แต่ท่านก็ไม่ยอมปิดไฟนอนตามที่เราแนะนำ

จนกระทั่งเราต้องใช้ยาเพื่อให้ท่านนอนให้ได้ พอเริ่มให้ทานยาเพื่อที่จะช่วยให้นอนหลับได้ดี วันแรกๆก็ยอมทาน การหลับนอนก็เริ่มดีขึ้น แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็เริ่มอิดออดไม่ยอมทานยา ทำให้กลางคืนนอนไม่หลับ กลางวันก็เกิดอาการง่วงนอน ไม่มีกะจิตกะใจที่อยากจะร่วมกิจกรรมใดๆแล้ว นานวันก็จะมีอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการมองทุกอย่างรอบกาย ที่มีแต่สิ่งเลวร้ายลงไปทุกวัน จะเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเพราะท่านไม่เชื่อฟังหรือต่อต้านทุกด้าน จึงทำให้สุขภาพของท่านไม่สามารถดีขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้นผู้สูงวัยทั้งหลาย ต้องเชื่อผู้ที่ดูแลที่ให้ความรักและความใส่ใจในตัวเราไว้ น่าจะเป็นผลดีกับตัวเราเองครับ

อีกหนึ่งราย ที่มีอาการตรงกันข้ามกับรายแรก ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารักมากๆ แม้ท่านจะเป็นผู้สูงวัยที่มีอาการทางสมองที่ค่อนข้างจะรุนแรง ก่อนที่ท่านจะเข้ามาพักอยู่กับเรา ท่านได้รับการผ่าตัดสมองมาแล้ว ทำให้ความจำของท่านจะสั้นมากๆ ทำให้จำอดีตไม่ค่อยจะได้ แต่พอเราทักทายท่าน ท่านก็จะมีท่าทีที่ดีใจมาก บอกให้ท่านทำอะไร ก็จะทำตามทั้งหมด ไม่มีอาการอิดออดเลย สังเกตว่าสุขภาพจิตของท่านนับวันจะดีขึ้นทุกวัน จนทำให้เราคิดว่า อีกไม่นานท่านก็จะสามารถเดินทางกลับไปอยู่กับลูกหลานได้อย่างแน่นอนครับ

ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ มักจะมีความคาดหวังหรือมีอะไรที่จะรอคอยเสมอ จะทำให้เกิดความกระตือรือร้นในการสร้างพลังกายพลังใจขึ้นเอง เพราะมีความหวังที่จะพบในสิ่งที่ตนเองรอคอย อีกตัวอย่างหนึ่งที่เป็นประสบการณ์จากครอบครัวของผมเอง ในตอนที่ผมอายุยังน้อยอยู่ พี่สาวของผมที่เป็นผู้สูงวัยไม่ได้ทำงาน ท่านจะเป็นคนที่รอคอยทุกเทศกาล ไม่ว่าจะเป็นการไหว้บรรพบุรุษ หรือเทศกาลตรุษจีน เทศกาลสารทจีน เทศกาลเช็งเม้ง ฯลฯ พี่สาวผมจะเป็นผู้ที่คอยโทรฯติดตามพวกเราน้องๆ ให้เข้าร่วมการเซ่นไหว้เจ้าเป็นประจำทุกครั้งไป จนทำให้พวกเราน้องๆมีความรู้สึกว่าพี่ช่างจี้ๆจังเลย แต่ในความเป็นจริง นี่คือพฤติกรรมปกติของผู้สูงวัย อย่างไรก็ตามการรอคอยของผู้สูงวัย ก็เป็นอีกพฤติกรรมที่ทำให้ผู้สูงวัยมีความหวังในการรอคอย และทำให้สมองไม่ว่างที่จะเป็นโรคสมองเสื่อมละครับ