*** เจ๊เมาธ์ไม่อยากชี้ชัดว่าการ “เพิ่มทุนขึ้นอีกเกือบเท่าตัว” ในครั้งนี้ของ บมจ.ไรมอน แลนด์ หรือ RML ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจในครอบครัวของตระกูล “ณรงค์เดช” จะเป็นเรื่องของการ “ปฏิวัติเงียบ” ของ “กฤษณ์ และ กร” พี่ชายคนโตและน้องคนเล็กของตระกูล “ณรงค์เดช” หรือไม่ เนื่องจากรายชื่อที่หายไปจากสาระบบก็คือชื่อของ “ณพ ณรงค์เดช” ซึ่งเป็นบุตรคนกลาง ของ “ดร.เกษม ณรงค์เดช และ คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช” ด้วยกันนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม... หากมองลึกลงไปก็จะพบว่า การเพิ่มทุนจำนวน 3,588 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 4,172 ล้านบาท ด้วยการแบ่งการเพิ่มทุนออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก เสนอขายให้บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) โดยจัดสรรให้ 2 บุคคล คือขายให้ “กฤษณ์ ณรงค์เดช” จำนวน 1,622,000,000 หุ้น และขายให้ “พาที สารสิน” จำนวน 900,000,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 0.42 บาทต่อหุ้น
และหุ้นเพิ่มทุนส่วนที่ 2 จะถูกเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering : RO) จำนวน 714 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 0.42 บาท ในอัตรา 9.38 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ จะทำให้ “กฤษณ์ ณรงค์เดช” ขยับขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของ RML
โดยที่ “กฤษณ์” จะมีหุ้นอยู่ในมือคิดเป็นสัดส่วน 24.2% แต่ขณะเดียวกันก็จะทำให้ “บ.เคพีเอ็น แลนด์” ผู้ถือหุ้นอันดับ 1 และ “MESA THAI PTE.LTD” ผู้ถือหุ้นอันดับ 2 ในปัจจุบัน ถูกลดสัดส่วนการถือหุ้นลงไปกลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 2 และ 4 ขณะที่ผู้ถือหุ้นรายใหม่อย่าง “กฤษณ์ ณรงค์เดช” และ “พาที สารสิน” จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 และ 3 แทนที่ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 และ 2 นั่นเอง
ว่าแต่ชื่อของ “ณพ ณรงค์เดช” หละ...หายไปไหน
อย่าได้ลืมว่าก่อนหน้านี้ ดร.เกษม ผู้เป็นพ่อ รวมไปถึง กฤษณ์ และ กร ณรงค์เดช พี่ชายคนโตและน้องชายคนเล็ก ต่างก็เคยมีปัญหาฟ้องร้อง “ณพ ณรงค์เดช” ในข้อหาปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ตั้งแต่ปี 2564
กรณีที่ นายณพ อ้างว่า นายเกษม (บิดา) เป็นตัวแทนให้กับคุณหญิงกอแก้ว (แม่ยาย) ในการซื้อหุ้น บริษัท วินด์ เอนเนอยี โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) และการโอนหุ้นวินด์ เอนเนอยี ไปให้บริษัท โกลเด้น มิวสิค ซึ่งตั้งอยู่ในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ซึ่งได้มีการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของ นายเกษม ในเอกสารปัญหาดังกล่าว ว่าเป็นลายมือชื่อปลอม จนเป็นสาเหตุที่ทำให้ครอบครัว “ณพ ณรงค์เดช” มีแถลงการณ์ประกาศตัด นายณพ ออกจากตระกูลนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม หากมองกลับไปที่ตัวของ บมจ.ไรมอน แลนด์ หรือ RML ก็จะพบว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่ โดยในปี 64 บริษัทมีราคาได้ 2516 ล้านบาท แต่ขาดทุนไป 452 ล้านบาท
ขณะที่ในปี 65 บริษัทมีรายได้ลดลงเหลือ 365 ล้านบาท ขาดทุนไปอีก 312 ล้านบาท ขณะที่ผลงานช่วง 9 เดือนแรกของปี 66 บริษัทมีรายได้เพียง 173 ล้านบาท แต่ขาดทุนไปถึง 532 ล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งนั่นก็ทำให้การเพิ่มทุนอีกเกือบเท่าตัวของ RML ในครั้งนี้ จึงถือว่าเป็นการ “ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว” กันเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะมี “กฤษณ์ ณรงค์เดช” ก็ยังมีการดึงเอา “พาที สารสิน” เข้ามาอีกคนด้วย
แต่...แต่เจ๊เมาธ์ขอบอกเอาไว้ก่อนว่า ถนนทุกสายไม่ได้ปูเอาไว้ด้วยกลีบกุหลาบ แน่นอน ถึงแม้ว่าการเพิ่มทุนของ RML ในครั้งนี้จะผ่านบอร์ดมาแล้ว แต่ในวันที่ 22 มีนาคม การเพิ่มทุนของ RML ก็ยังจะต้องถูกนำเข้าสู่ที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อให้โหวตอนุมัติอีกครั้ง และในครั้งนี้เจ๊เมาธ์ก็ได้ข่าวจะมีผู้ถือหุ้นใหญ่อีกสายทำการโหวตสวนซะด้วยสิ
เอาเป็นว่า ถ้าเป็นแค่สงครามภายใน หรือ เรื่องของพี่น้องที่จะประลองกำลังกันก็คงไม่มีปัญหา แต่เรื่องแบบนี้มันไปเกี่ยวข้องกับบุคคลภายนอกอีกด้วยนี่สิ งานนี้จะหมู่หรือจ่า....อีกไม่กี่วันก็ได้รู้เรื่องเจ้าค่ะ อิอิอิ
*** ไม่รู้จะป็นโมเดลใหม่หรือไม่ แต่ วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ผู้ถือหุ้นใหญ่ STARK บุตรชายคนโตของ ประจักษ์ ตั้งคารวคุณ แห่งอาณาจักร TOA ที่ถูกดีเอสไอกล่าวหา และได้นำตัวส่งอัยการ และส่งศาลในข้อหาทุจริตไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ เป็นเหตุให้ STARK ได้รับความเสียหาย หรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกรรมการ หรือ ผู้บริหารบริษัท และข้อหาอื่นๆ ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีมีลักษณะเป็นการสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม ทั้งก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน และมีมูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนมาก โจทก์คัดค้านการประกันตัวปล่อยชั่วคราว จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณคดี จำต้องเข้าเรือนจำกรุงเทพ
อาการป่วยของ วนรัชต์ จึงกำเริบขึ้น ตั้งแต่ก่อนหน้าที่อัยการนำตัวส่งศาลแล้ว และป่วยต่อเนื่องไปถึงเรือนจำกรุงเทพฯ อืม! เจ๊เมาธ์ไม่รู้จริงๆ ว่าอาการเป็นอย่างไร ยังไงก็ขอให้หายไวไวนะเจ้าค่ะ หลายคนเฝ้ารอ!!