*** หลังจาก “ชูเกียรติ รุจนพรพจี” ประกาศลาออกจากทุกตำแหน่งใน SABUY โดยแต่งตั้ง “วิรัช มรกตกาล” นั่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยให้เหตุผลว่า เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อคำพูดที่เคยสื่อสารที่ตั้งเป้ารายได้บริษัทในปี 2566 ไว้ 20,000 ล้านบาท แต่ทำได้ 9,600 ล้านบาท
และหากยังจำได้ ในขณะที่อยู่ในตำแหน่ง “ชูเกียรติ” เป็นผู้ที่สร้างตำนานของการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับบริษัททั้งใน และ นอกตลาด จำนวนมากจนจำกันไม่หวาดไม่ไหว
แต่ล่าสุดกลับเป็น บอร์ดของ MGI หรือ บมจ. มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล ของ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” มีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าทำการซื้อหุ้น SABUY จำนวน 30 ล้านหุ้น
โดยระบุว่า การเข้ามาถือหุ้นในครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะใช้ระบบ Infrastructure และ Ecosystem ทางธุรกิจของ SABUY เป็นเหตุให้ราคาหุ้นของ SABUY ถูกจุดกระแสความร้อนแรงขึ้นมา ซึ่งคล้ายกันกับกรณีของ AJA ซึ่งถูกจุดกระแสการเข้ามาถือหุ้นของ “ณวัฒน์” จนราคาหุ้นวิ่งแรงทั้งที่ในความเป็นจริง “ณวัฒน์” ได้เข้าไปถือหุ้นของ AJA ก่อนหน้านี้นานแล้ว
บอกตรงๆ เจ๊เมาธ์กำลังมองว่า หลายบริษัทกำลังใช้ชื่อเสียงของ “ณวัฒน์” ผลักดันหุ้นของตน หลังจากที่ “ณวัฒน์” เริ่มมีชื่อเสียง หลังดันหุ้นของ MGI ทะลุขึ้นกว่า 10 เท่าจากราคา IPO ก่อนหน้านี้ และยังมองได้อีกมุมว่า การที่ราคาหุ้นหลายตัวนี้ อาจเป็นการเปลี่ยนตัวเล่นกันเองในกลุ่มพันธมิตรก็ได้ หลัง MGI อาจถูกเตะตัดขาจนไปไม่ไหว
*** ขึ้นชื่อว่า “พิชญ์ โพธารามิก” ย่อมการันตีได้ว่า ชื่อนี้ไม่ทำให้ผิดหวัง ในเรื่องของการเล่นข่าวเพื่อจุดกระแสแห่งความหวัง อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ “พิชญ์” ก็เคยหักปากกาเซียนด้วยการโชว์กำไรสุทธิของ บมจ. จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ JAS ที่มีอยู่ถึง 19,837 ล้านบาท พร้อมประกาศ “งดจ่ายปันผล” งวดปี 2566
ทั้งที่ก่อนหน้าเคยมีข่าวว่า JAS จะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นของ บมจ. ทริปเปิลที บรอดแบนด์ หรือ 3BB (TTTBB) และ หน่วยลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) มาแจกปันผลพิเศษในอัตรา 0.60 บาท/หุ้น เมื่อปลายปี 2566 ซึ่งเมื่อไม่ต้องจ่ายปันผลก็ทำให้ JAS มีเงินสดอยู่ในมือเกือบสองหมื่นล้านบาทนั่นเอง
จนล่าสุดราคาหุ้นของ JAS ก็กลับมาวิ่งแรงได้อีก ภายหลังมีข่าวปล่อยออกมาว่า JAS อาจจะ “ซื้อหุ้นคืน” ซึ่งถ้าจะว่ากันตามตรงแล้วก็บอกเลยว่า เจ๊ไม่ค่อยจะเชื่ออะไรอีกแล้ว เพราะถึงแม้ว่า “เสี่ยพิชญ์” จะไม่เคยออกมาพูด หรือ ออกมาให้ความเห็นอะไรเลย แต่ใครก็ตามที่ติดตามราคาหุ้นของ JAS มานานก็จะรู้ว่าหุ้นตัวนี้ไม่ธรรมดา
*** เจ๊เมาธ์ยังคงมองว่า หุ้นน้ำมันและโรงกลั่นอย่าง PTTEP TOP BCP IRPC และอีกหลายตัวที่เกี่ยวข้องยังน่าจะมีแนวโน้มที่น่าจะพอเล่นได้อีกสักพัก สาเหตุก็มาจากการที่ทางโอเปคได้ลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลง 2.5 ล้านบาเรล/วัน ก็เป็นเหตุให้ราคาน้ำมันดิบ มีราคาที่สูงขึ้น รวมทั้งค่าการกลั่นก็พุ่งสูงขึ้นตาม
ขณะที่อีกส่วนหนึ่ง ก็เป็นเพราะสงครามระหว่างยูเครน-รัสเซีย ซึ่งดูเหมือนว่าทางด้านของยูเครน จะเริ่มเน้นการโจมตีไปที่โรงกลั่นน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งเป็นเหตุให้ Suply น้ำมันเชื้อเพลิงโลก ส่อแววว่าจะมีปัญหา รวมไปถึงสถานการณ์ในทะเลแดง ก็ยังไม่สามารถคลี่คลายลงไปได้
อย่างไรก็ตาม...เจ๊เมาธ์มองว่า สำหรับตลาดหุ้นไทยแล้ว ในจังหวะนี้ การถือหุ้นในระยะยาว น่าจะเป็นความเสี่ยงที่ต้องให้น้ำหนักมากเช่นกัน ดังนั้นหุ้นที่เจ๊ว่ามานี้ แม้จะดีแค่ไหน แต่ก็อาจจะต้องเพิ่มความไวขึ้นมาอีกนิดนะคะ ของดี...ไม่ต้องกินคำใหญ่ก็อิ่มได้เจ้าค่ะ อิอิอิ