****การคุยของ “อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMART บริษัทแม่ของหุ้นในกลุ่มตระกูลเจเกิดขึ้นได้โดยตลอด แม้สถานการณ์ราคาหุ้นปัจจุบันของหุ้นตระกูลเจ ไม่ว่าจะเป็น JMT SINGER SGC รวมไปถึง J ต่างก็อยู่ในระดับราคาต่ำสุดในรอบปีแทบทุกตัว และไม่ว่าจะเป็นใคร รายย่อย รายใหญ่ แฟนคลับต่างก็พลัดหลงจนหลายรายบาดเจ็บหนักมาถึงทุกวันนี้
เจ๊เมาธ์เองก็เข้าใจว่า การเป็นผู้บริหารมีหน้าที่พูดคุยสร้างความเชื่อมั่น เพียงแต่การติดอยู่ในกรอบของการพูดถึงหุ้นในรูปแบบของการ “คุย” อย่างมั่นใจว่าในปี 2567 กลุ่มหุ้นตัวเจ จะกลับมาทำ All Time High ซึ่งก็เหมือนกับที่เคยพูดไว้เมื่อ 2 ปีที่แล้วไม่มีผิด
ขณะเดียวกัน การคุย เมื่อเจ๊ฟังแล้วก็พาให้มึนๆ นิดหน่อย เมื่อล่าสุด “ทริสเรทติ้ง” ได้ปรับเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตของ บมจ.เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (JMART) ให้ลงเป็นระดับ “Negative” หรือ “ลบ” จากเดิมที่เคยอยู่ในระดับ “Stable” หรือ “คงที่”
เนื่องจากมองว่าสถานะทางการเงินของ JMART โดยเฉพาะผลการดำเนินงานอ่อนแอกว่าที่คาดไว้ แม้จะยังคงอันดับเครดิตองค์กรของ JMART และ JMT ไว้ที่ระดับ “BBB+” และ ยังคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ JMART และ JMT เอาไว้ที่ระดับ “BBB” ก็ตามที
หากจะไล่เรียง หุ้นกลุ่ม JMART ชัดสุดก็เป็นเรื่องของผลการดำเนินงานปี 66 ที่ทาง JMART ขาดทุนไป 447 ล้านบาท
ขณะที่ SINGER ก็ขาดทุนไป 3,209 ล้านบาท และทางฝั่งของ SGC ขาดทุนไป 2,275 ล้านบาท ก็อาจมาจากจุดเริ่มต้นจากธุรกิจของกลุ่มบริษัทที่ “ไขว้” กันไปมา ซึ่งแม้จะไม่ใช่ทางตรง...แต่ก็ยังผูกโยงเข้าด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็น SINGER ที่นำสินค้าของ JMART มาขายผ่านช่องทางผ่อนชำระ ...ขณะที่ SGC ก็เป็นผู้ปล่อยเงินกู้ โดยมี JMT เป็นบริษัทจัดเก็บและบริหารหนี้เนื่องบริษัททั้งกลุ่มมีการแชร์จากใช้ฐานข้อมูลเดียวกัน
หมายความว่า หากมีความผิดพลาด ก็อาจเป็นเหตุไม่คาดคิด
ขณะเดียวกันถ้ามองไปที่เรื่องของความ “มือเติบ” และการตัดสินใจลงทุน เจ๊เมาธ์เองก็ยังงงๆ ว่าในการลงทุนแต่ละครั้งทาง JMART ได้มีการประเมินความเสี่ยง และประเมินมูลค่าการลงทุนกันอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการทุ่มเม็ดเงิน 1,200 ล้านบาท เพื่อแลกกับหุ้นเพียงแค่ 30% ของสุกี้ตี๋น้อยจน ถามกันทั่วว่า “แพงไปหรือเปล่า” และจะถึงจุดคุ้มทุนเมื่อไหร่
รวมไปถึงการลงทุนในหุ้นไอพีโอ จำนวน 15% ของ PRTR ในราคา 7.20 บาท/หุ้น รวมมูลค่าลงทุน 648 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันราคาหน้ากระดานของ PRTR ปรับลงมาอยู่ที่ราคา 4.60-4.70 บาท/หุ้น เป็นเหตุให้ JMART ต้องบุ๊คการขาดทุนอยู่ราว 35% ล้วนแล้วแต่ ถูกตั้งคำถามจากบรรดาผู้ถือหุ้นและพันธมิตรทางธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดูอย่างการที่ RABBIT ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ BTS ซึ่งทนแบกรับตัวเลขการขาดทุนของ SINGER ไม่ไหว จนถึงกับต้องทำดีลขายหุ้น SINGER คืนให้กับ “อดิศักดิ์” ในราคา 20 บาท/หุ้น ในอีก 3 ปีข้างหน้าหลังจากที่เคยซื้อมาในราคา 36.30 บาท/หุ้น ขณะที่ บล.บัวหลวงก็ได้ลดสัดส่วนในการถือหุ้น JMT อย่างมีนัยสำคัญ
เอาเป็นว่าถึงวันนี้ เจ๊เมาธ์ยังมองว่า ราคาหุ้นของกลุ่มตระกูลเจ ที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะ “ต่ำ” ลงมามากแล้ว แต่ก็ระวังเอาไว้บ้าง ก็ไม่มีอะไรเสียหายเจ้าค่ะ