KEY
POINTS
การที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% มีผลต่อตลาดหุ้นไทยในหลายด้าน ดังนี้:
1. ลดต้นทุนการกู้ยืม
บริษัทต่าง ๆ จะมีต้นทุนการกู้ยืมที่ลดลง ส่งผลให้สามารถขยายธุรกิจ ลงทุนใหม่ หรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้ดีขึ้น ซึ่งอาจส่งผลบวกต่อผลประกอบการ
2. กระตุ้นการลงทุน
การลดดอกเบี้ยทำให้การลงทุนในหุ้นน่าสนใจกว่าการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น พันธบัตรหรือเงินฝากออมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนต่ำ ส่งผลให้เงินไหลเข้าสู่ตลาดหุ้น
3. เพิ่มความเชื่อมั่นในตลาด
การลดอัตราดอกเบี้ยอาจถูกมองว่าเป็นสัญญาณว่าธนาคารกลางสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้น
4. การบริโภคเพิ่มขึ้น
ดอกเบี้ยที่ต่ำทำให้การชำระหนี้มีภาระน้อยลง ผู้บริโภคมีเงินเหลือมากขึ้นสำหรับการใช้จ่าย ส่งผลดีต่อบริษัทที่พึ่งพาการบริโภค
5. ส่งผลกระทบต่อค่าเงิน
อาจส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า ซึ่งอาจกระตุ้นการส่งออกและช่วยเพิ่มผลประกอบการของบริษัทที่พึ่งพาการส่งออก
6. ปัจจัยภายนอก
ผลกระทบจากการลดดอกเบี้ยอาจมีความเชื่อมโยงกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและนโยบายการเงินในประเทศอื่น ๆ นักลงทุนอาจมีการพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ร่วมด้วย
หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยของกนง มักจะเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนและการบริโภค ดังนี้
1. กลุ่มธนาคารได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย ดังนี้
2. กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย ดังนี้
3. กลุ่มค้าปลีกได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย ดังนี้
4. กลุ่มอุตสาหกรรมได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย ดังนี้
5. กลุ่มบริการได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย ดังนี้
6. กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (REITs)ได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย ดังนี้
7. กลุ่มเทคโนโลยีได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย ดังนี้
การลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% โดย กนง. มีแนวโน้มที่จะมีผลบวกต่อตลาดหุ้นไทย โดยช่วยลดต้นทุนการกู้ยืม กระตุ้นการลงทุนและการบริโภค รวมถึงเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตลาด