***หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3935 ระหว่างวันที่ 29 ต.ค.- 1 พ.ย. 2566 โดย...กาแฟขม
*** ค่ำวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิร์ล เป็นโอกาสดีที่เนชั่นกรุ๊ปจัดงานดินเนอร์ทอร์ค อนาคตประเทศไทย 2024 เชิญ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน มาพูดหลังจากรับงานไป 2 เดือน เดินทางไปหลายประเทศ ทั้งพบปะเจรจาทวิภาคี ทั้งการไปร่วมประชุมในเวทีต่างๆ หลังจากรับงานมา 2 เดือน ที่ตั้งใจจะแก้จริงๆ หรือเริ่มวางรากฐานในการแก้มีหลากหลายระดับ สั้น กลาง ยาว ปัญหาความเหลื่อมล้ำ นี่แทบทุกด้านที่นายกฯ ตั้งใจ เหลื่อมล้ำในฐานะความเป็นอยู่ เหลื่อมล้ำในเรื่องปากท้อง เหลื่อมล้ำในสิทธิเสรีภาพ เหลื่อมล้ำในการเข้าถึงแหล่งทุน
*** ต้องทำในหลายเรื่อง ที่ตั้งใจจะทำเรื่องแก้หนี้ โดยเฉพาะหนี้นอกระบบ จะวางแผน และทำในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย จะเชิญ นายอำเภอ และผู้กำกับสถานีตำรวจในอำเภอ เรียกเจ้าหนี้นอกระบบมานั่งพูดคุยกับลูกหนี้ ที่หักดอกเบี้ยไปท่วมเงินต้นไปแล้วก็ให้ถือว่าพอแล้ว พอไกล่เกลี่ยให้จบกันได้หรือไม่ เพราะเป็นการคิดดอกเบี้ยที่ผิดกฎหมาย อันนี้ต้องรอดูมาตรการจริงว่า นายกฯ จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร
ต้องเข้าใจว่า เจ้าหนี้นอกระบบส่วนใหญ่ก็หัวคะแนนพรรคการเมือง ผู้มีอิทธิพลทั้งสิ้น อิงแอบกับคนมีสี คนในเครื่องแบบส่วนใหญ่จะจัดการได้จริงหรือไม่ ขณะเดียวกันก็ให้ธนาคารไปเพิ่มทางเลือกเข้าถึงแหล่งทุนด้วยการทำ เวอร์ชวล แบงก์ ซึ่งหลายๆ ธนาคารกำลังเดินโปรเจ็กนี้อยู่ ก็หวังว่าเรื่องแก้หนี้จะเป็นเรื่องรูปธรรมในเร็วๆ นี้
*** ถัดจากแก้หนี้โดยเฉพาะรากหญ้า ฟังว่าจะเพิ่มรายได้เกษตรกร หลังตระเวนไปหลายประเทศ พบว่ามีความต้องการของตลาดโคเนื้อสูงมาก โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง จึงปิ๊งไอเดียซึ่งสอดรับกับนโยบายพรรคในการส่งเสริมการเลี้ยงโค 1 ล้านตัว ซึ่งจะงัดกลับมาอีกรอบ หลังจากในช่วงรัฐบาลเพื่อไทยคราวก่อนโน้น ที่มีนโยบายโคล้านตัว ประมาณว่าจะกลับมาฟื้นอีกรอบเพื่อสร้างเศรษฐกิจรากหญ้า ปลดหนี้ให้คนไทย จะถึงเป้าหมายหรือสร้างหนี้เพิ่ม คงต้องคอยดูกัน
*** “เศรษฐา” พูดชัดในการริเริ่มโครงการแลนด์บริดจ์ ที่จะมีการลงทุนอย่างมโหฬารในการสร้างท่าเรือน้ำลึก 2 ฝั่ง ระนอง-ชุมพร สร้างถนน สร้างเขตอุตสาหกรรมรองรับการขนถ่ายสินค้า ที่อีกไม่นานช่องแคบมะละกาจะแออัด ถ้าสร้างแลนด์บริดจ์สำเร็จจะย่นระยะเวลาการขนส่ง 6-9 วัน ลดต้นทุนการขนส่งสินค้าทางเรือไปสู่ฝั่งเอเชียแปซิฟิกได้มากมายมหาศาล เห็นเป็นโอกาสที่ต้องริเริ่มปักหลักปักหมุดให้ได้ หลังรัฐบาลที่แล้วได้อนุมัติศึกษาโครงการไว้แล้ว อันนี้รัฐบาลนี้มาสานต่อ
*** การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการแจก “เงินดิจิทัล” ที่ฟังจากนายกฯเศรษฐาแล้วยังไม่ชัดเจนเท่าไร จะแจกใครบ้าง ดูเหมือนเงื่อนไขเดิมอาจจะเปลี่ยนแปลงไป ไม่แจกหว่านสำหรับคนอายุ 16 ปีขึ้นไป และให้ใช้ในรัศมีวงรอบเดิมอาจขยายใหญ่ขึ้นเป็นระดับอำเภอ ซึ่ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง คงต้องไปดูในรายละเอียดร่วมกับฝ่ายข้าราชการประจำที่ยังสับสนอยู่พอสมควร ว่าจะเอาอย่างไรกันแน่ หลายคนชักเริ่มสนองไม่ถูก ว่าที่จริงเรื่องนี้ถ้าไม่ยึดศักดิ์ศรี หน้าตา อันนั้นของลุงตู่ ก็ไปใช้ระบบ “เป๋าตัง” เดิมที่กรุงไทยเขาเซตไว้แล้วเพื่อโครงการรัฐนั่นแหล่ะ ไม่ต้องไปเสียตังค์ทำระบบขึ้นมาใหม่ ว่าไปการเซตระบบใหม่ก็เสียตังค์ไม่ใช่น้อย แล้วจะเสียไปทำไม เงินของใคร เงินหลวงอีกนั่นแหล่ะ