ผมเป็นคนชอบอ่าน Quote หรือคำพูดของคนที่มีชื่อเสียงระดับโลกในด้านต่าง ๆ และพยายามที่จะคิดและปรับตัวหรือใช้ชีวิตตามแบบที่เราเชื่อหรือมีศรัทธา ในฐานะที่เป็น VI ที่มุ่งมั่น แน่นอนว่าผมชอบโควทหลาย ๆ เรื่องของวอเร็น บัฟเฟตต์และเบน เกรแฮม แต่ในส่วนของชีวิตด้านอื่นซึ่งบ่อยครั้งก็เกี่ยวข้องกับการลงทุนด้วยนั้น ผมก็ชอบอ่านโควทของอีกหลายคน และคนที่ผมรู้สึก “อิน” กับคำพูดของเขามากก็คือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ที่มีโควทที่โด่งดังจำนวนมาก บางทีอาจจะมากที่สุดในโลกคนหนึ่ง ลองมาดูกัน
1) Imagination is more important than knowledge. Knowledge is limited. Imagination encircles the world. หรือ “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ ความรู้นั้นจำกัด จินตนาการนั้นโอบล้อมโลก” นี่เตือนให้ผมคิดตลอดเวลาว่าเราต้องมีจินตนาการเวลาจะคิดหรือทำอะไรโดยเฉพาะอย่างในเรื่องของการลงทุน เพราะการลงทุนระยะยาวแบบ VI นั้น เราต้องจินตนาการถึงอนาคต ว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เราเห็นนั้น อีก 5 ปี 10 ปีจะเปลี่ยนไปอย่างไร
2) Two things are infinite: The universe and human stupidity; and I am not sure about the universe. หรือ “สองสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด นั่นคือจักรวาลกับความโง่เขลาของมนุษย์ และผมก็ไม่แน่ใจเกี่ยวกับจักรวาล” ความหมายก็คือ ความไร้เหตุผลของมนุษย์นั้น ไม่มีที่สิ้นสุดแน่นอน ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงหรือกำจัดมันได้ และนี่ก็ทำให้ผมนึกถึงเรื่องของหุ้นตัวเล็ก ๆ บางตัวที่บางครั้งราคาขึ้นไปจนมีมูลค่า “หลุดโลกเป็นแสน ๆ ล้านบาท” และก็ยังมีคนเข้าไปซื้อกันอย่างบ้าคลั่งในช่วงเร็ว ๆ นี้
3) Try not to become a man of success but rather try to become a man of value. หรือ “อย่าพยายามเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ แต่ควรเป็นคนที่มีคุณค่า” นี่ก็คือการพยายามทำอะไรที่เป็นประโยชน์หรือมีคุณค่ากับคนอื่นโดยไม่ต้องคิดว่ามันเป็นความสำเร็จของตนเอง สำหรับผมเองนั้น ผมคิดว่าการเผยแพร่และสอนการลงทุนที่ถูกต้องในแนว VI นั้น คือความสำเร็จอย่างแท้จริงตั้งแต่ผมเริ่มเดินทางในโลกของการลงทุน แม้แต่เรื่องของเม็ดเงินหรือความมั่งคั่งนั้นก็เป็นแค่ผลพลอยได้
4) Look deep into nature and then you will understand every thing better หรือ “มองลึกเข้าไปในธรรมชาติ แล้วคุณจะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้น” นี่เป็นโควทที่ผมเพิ่งเห็นหรือตระหนักไม่นานว่ามันจริงและผมใช้มันมากขึ้นเรื่อย ๆ ตัวอย่างก็เรื่องของการใช้ยีนของมนุษย์ในการอธิบายพฤติกรรมที่ซับซ้อนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตัวบุคคลหรือสังคมและการลงทุน เป็นต้น
5) A table a chair, a bow of fruit and violin; what else does a man need to be happy. หรือ “โต๊ะและเก้าอี้อย่างละตัว ผลไม้หนึ่งถ้วยและก็ไวโอลิน จะมีอะไรอีกที่คนจำเป็นต้องมีเพื่อให้มีความสุข” นี่ก็เป็นสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นชีวิตหรือเป็นพื้นฐานจริง ๆ ของคนที่จริง ๆ แล้วต้องการสิ่งต่าง ๆ น้อยมากที่จะทำให้มีความสุขถึงกว่า 90% ไปแล้ว สิ่งอื่น ๆ ที่เหลือและอาจต้องใช้เงินมหาศาลนั้น ก่อให้เกิดความสุขเพิ่มน้อยมาก
6) I am by heritage a jew, by citizenship a Swiss, and by makeup a human being, and only a human being, without any special attachment to any state or national entity whatsoever. หรือ “ผมนั้น โดยเทือกเถาเหล่ากอแล้วเป็นคนยิว โดยสัญชาติเป็นคนสวิส และโดยการปรุงแต่งก็คือมนุษย์ และก็แค่มนุษย์ธรรมดาที่ไม่ได้ติดยึดอะไรพิเศษกับรัฐหรือประเทศอะไรทั้งสิ้น” นี่อาจจะเป็นแนวความคิดของไอน์สไตน์ที่ค่อนข้างจะเป็น “เสรีนิยม” มาก ส่วนสำคัญน่าจะมาจากการที่ “ถูกกดขี่” อย่างหนักจากเผด็จการฝ่ายขวาคือนาซีเยอรมันสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จนต้องหนีเอาชีวิตรอดและสุดท้ายไปอยู่อเมริกาเพื่อใช้ชีวิตอย่างเสรีและปฏิเสธที่จะเป็นประธานาธิบดีคนที่สองของอิสราเอลเมื่อได้รับเชิญ
สุดท้าย ก็คือ I love to travel, but I hate to arrive. หรือ “ผมชอบไปเที่ยว แต่เกลียดที่จะถึง” ความหมายก็ชัดเจนอยู่ในตัวว่าไอน์สไตน์นั้นมีความสุขกับการที่จะทำในสิ่งที่เขารัก นั่นก็คือ งานวิชาการด้านฟิสิกส์ และงานด้านสังคมที่เน้นในเรื่องของสิทธิมนุษยชนและการส่งเสริมสันติภาพของโลก เช่น การต่อต้านสงคราม เป็นต้น เขามีความสุขที่จะทำมันมากกว่าที่จะบรรลุความสำเร็จแล้วก็จบที่จุดนั้นทั้ง ๆ ที่เขาคือ “สุดยอดนักฟิสิกส์ยุคใหม่” ที่เปลี่ยนโลกไปอย่างสิ้นเชิง