ลงทุนแบบวี-ไอน์สไตน์

17 เม.ย. 2565 | 18:05 น.
อัปเดตล่าสุด :17 เม.ย. 2565 | 22:36 น.

โลกในมุมมองของ Value Investor โดย : ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า ชั้นแนวหน้า

ผมเป็นคนชอบอ่าน Quote หรือคำพูดของคนที่มีชื่อเสียงระดับโลกในด้านต่าง ๆ  และพยายามที่จะคิดและปรับตัวหรือใช้ชีวิตตามแบบที่เราเชื่อหรือมีศรัทธา  ในฐานะที่เป็น VI ที่มุ่งมั่น  แน่นอนว่าผมชอบโควทหลาย  ๆ  เรื่องของวอเร็น บัฟเฟตต์และเบน เกรแฮม  แต่ในส่วนของชีวิตด้านอื่นซึ่งบ่อยครั้งก็เกี่ยวข้องกับการลงทุนด้วยนั้น  ผมก็ชอบอ่านโควทของอีกหลายคน  และคนที่ผมรู้สึก  “อิน”  กับคำพูดของเขามากก็คือ  อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์  ที่มีโควทที่โด่งดังจำนวนมาก  บางทีอาจจะมากที่สุดในโลกคนหนึ่ง  ลองมาดูกัน

 

1) Imagination is more important than knowledge. Knowledge is limited. Imagination encircles the world. หรือ  “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้  ความรู้นั้นจำกัด  จินตนาการนั้นโอบล้อมโลก” นี่เตือนให้ผมคิดตลอดเวลาว่าเราต้องมีจินตนาการเวลาจะคิดหรือทำอะไรโดยเฉพาะอย่างในเรื่องของการลงทุน  เพราะการลงทุนระยะยาวแบบ VI นั้น  เราต้องจินตนาการถึงอนาคต  ว่าสิ่งต่าง ๆ  ที่เราเห็นนั้น  อีก 5 ปี 10 ปีจะเปลี่ยนไปอย่างไร

 

2) Two things are infinite: The universe and human stupidity; and I am not sure about the universe. หรือ  “สองสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด  นั่นคือจักรวาลกับความโง่เขลาของมนุษย์  และผมก็ไม่แน่ใจเกี่ยวกับจักรวาล”  ความหมายก็คือ  ความไร้เหตุผลของมนุษย์นั้น  ไม่มีที่สิ้นสุดแน่นอน  ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงหรือกำจัดมันได้  และนี่ก็ทำให้ผมนึกถึงเรื่องของหุ้นตัวเล็ก ๆ บางตัวที่บางครั้งราคาขึ้นไปจนมีมูลค่า “หลุดโลกเป็นแสน ๆ ล้านบาท” และก็ยังมีคนเข้าไปซื้อกันอย่างบ้าคลั่งในช่วงเร็ว ๆ  นี้

 

3) Try not to become a man of success but rather try to become a man of value. หรือ “อย่าพยายามเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ  แต่ควรเป็นคนที่มีคุณค่า”  นี่ก็คือการพยายามทำอะไรที่เป็นประโยชน์หรือมีคุณค่ากับคนอื่นโดยไม่ต้องคิดว่ามันเป็นความสำเร็จของตนเอง  สำหรับผมเองนั้น  ผมคิดว่าการเผยแพร่และสอนการลงทุนที่ถูกต้องในแนว VI นั้น  คือความสำเร็จอย่างแท้จริงตั้งแต่ผมเริ่มเดินทางในโลกของการลงทุน  แม้แต่เรื่องของเม็ดเงินหรือความมั่งคั่งนั้นก็เป็นแค่ผลพลอยได้

 

4) Look deep into nature and then you will understand every thing better หรือ  “มองลึกเข้าไปในธรรมชาติ  แล้วคุณจะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้น” นี่เป็นโควทที่ผมเพิ่งเห็นหรือตระหนักไม่นานว่ามันจริงและผมใช้มันมากขึ้นเรื่อย ๆ  ตัวอย่างก็เรื่องของการใช้ยีนของมนุษย์ในการอธิบายพฤติกรรมที่ซับซ้อนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตัวบุคคลหรือสังคมและการลงทุน เป็นต้น

5) A table a chair, a bow of fruit and violin; what else does a man need to be happy. หรือ “โต๊ะและเก้าอี้อย่างละตัว  ผลไม้หนึ่งถ้วยและก็ไวโอลิน  จะมีอะไรอีกที่คนจำเป็นต้องมีเพื่อให้มีความสุข”  นี่ก็เป็นสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นชีวิตหรือเป็นพื้นฐานจริง ๆ ของคนที่จริง ๆ แล้วต้องการสิ่งต่าง ๆ  น้อยมากที่จะทำให้มีความสุขถึงกว่า 90% ไปแล้ว สิ่งอื่น ๆ  ที่เหลือและอาจต้องใช้เงินมหาศาลนั้น  ก่อให้เกิดความสุขเพิ่มน้อยมาก

 

6) I am by heritage a jew, by citizenship a Swiss, and by makeup a human being, and only a human being, without any special attachment to any state or national entity whatsoever. หรือ  “ผมนั้น  โดยเทือกเถาเหล่ากอแล้วเป็นคนยิว  โดยสัญชาติเป็นคนสวิส  และโดยการปรุงแต่งก็คือมนุษย์  และก็แค่มนุษย์ธรรมดาที่ไม่ได้ติดยึดอะไรพิเศษกับรัฐหรือประเทศอะไรทั้งสิ้น”  นี่อาจจะเป็นแนวความคิดของไอน์สไตน์ที่ค่อนข้างจะเป็น “เสรีนิยม” มาก ส่วนสำคัญน่าจะมาจากการที่ “ถูกกดขี่” อย่างหนักจากเผด็จการฝ่ายขวาคือนาซีเยอรมันสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จนต้องหนีเอาชีวิตรอดและสุดท้ายไปอยู่อเมริกาเพื่อใช้ชีวิตอย่างเสรีและปฏิเสธที่จะเป็นประธานาธิบดีคนที่สองของอิสราเอลเมื่อได้รับเชิญ

 

สุดท้าย  ก็คือ  I love to travel, but I hate to arrive. หรือ “ผมชอบไปเที่ยว  แต่เกลียดที่จะถึง”  ความหมายก็ชัดเจนอยู่ในตัวว่าไอน์สไตน์นั้นมีความสุขกับการที่จะทำในสิ่งที่เขารัก  นั่นก็คือ  งานวิชาการด้านฟิสิกส์  และงานด้านสังคมที่เน้นในเรื่องของสิทธิมนุษยชนและการส่งเสริมสันติภาพของโลก  เช่น  การต่อต้านสงคราม  เป็นต้น  เขามีความสุขที่จะทำมันมากกว่าที่จะบรรลุความสำเร็จแล้วก็จบที่จุดนั้นทั้ง ๆ ที่เขาคือ  “สุดยอดนักฟิสิกส์ยุคใหม่” ที่เปลี่ยนโลกไปอย่างสิ้นเชิง