*** กรณีการโหวตคว่ำมติที่ 1.2 เรื่องการผ่อนผันหรือแก้ไขรายละเอียดในสัญญาเช่าถือ ของผู้ถือหน่วยลงทุนของ JASIF กลายเป็นประเด็นที่ทำให้ ADVANC ถึงกับต้องประกาศว่าจะทบทวนการเข้าซื้อหน่วยลงทุน JASIF และ TTTBB กันเลยทีเดียว เพราะถึงแม้การเข้าไปซื้อหน่วยลงทุนทั้งสองจะทำให้ ADVANC มีความสามารถในการแข่งขันกับทางด้านของ TRUE และ DTAC ที่กำลังจะควบรวมกิจการกันได้สำเร็จ แต่ประเด็นเรื่อง ค่าเช่าที่ทางผู้ถือหน่วยลงทุนของ JASIF โหวตว่าไม่ยอมลดก็จะเป็นเหตุให้ความสามารถในการสร้างกำไรและจ่ายเงินปันผลของ ADVANC อาจจะได้รับผลกระทบในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งหาก ADVANC ยอมถอยเรื่องดีล JASIF-TTTBB ก็จะทำให้สูญเสียความได้เปรียบ เนื่องจากคู่แข่งมีแต่จะแข็งแกร่งขึ้น แต่ถ้าเดินหน้าซื้อโดยที่ไม่ได้ลดค่าเช่าลง ก็จะเข้าเนื้อของตัวเองไปง่ายๆ ซะอย่างนั้น
อย่างไรก็ตาม เจ๊เมาธ์ยังมองว่า ADVANC น่าจะเดินหน้าในเรื่องเรื่องดีล JASIF-TTTBB เนื่องจากประเด็นเรื่องความสามารถในการแข่งขันเป็นสิ่งที่จะต้องได้รับการแก้ไขก่อนเรื่องอื่น ส่วนเรื่องค่าเช่าหลังจากที่ซื้อหน่วยลงทุน ก็จะกลายเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ ที่น่าจะพอมีช่องทางแก้ไขปัญหาเรื่องค่าเช่า หรือ อายุการเช่าได้ในอนาคต ดังนั้น แม้ว่า ADVANC จะไม่สมบูรณ์ที่สุด แต่ก็น่าจะยังพอไปต่อได้เจ้าค่ะ
*** หุ้นธนาคารใหญ่อย่าง KABNK BBL SCB KTB และ TTB อยู่ในระดับราคาที่มีโอกาสไปต่อได้อีก เพียงแต่เพื่อให้คุ้มค่าและปลอดภัยที่สุด นักลงทุนอาจจะต้องหาจังหวะในตอนที่ราคาย่อลงไปนิดหน่อย ซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก อย่างแรกที่เจ๊มองว่ายังคงเป็นปัจจัยบวกกับหุ้นกลุ่มนี้ คือ เรื่องดอกเบี้ยขาขึ้น ที่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะหยุดลงเมื่อไหร่ อย่างที่สอง คือ เรื่องของการกันสำรองหนี้ NPLs ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเบาลง หลังจากที่จัดหนักมานาน ก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถนำกลับมาบุ๊คเป็นกำไรได้พอสมควร
รวมถึงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ที่จะทำให้ธนาคารสามารถสร้างรายได้จากสินเชื่อที่ผู้กู้ มีความต้องการนำมาใช้พยุงและหมุนเวียนในธุรกิจมากขึ้น เหล่านี้ยังไม่นับไปถึงเรื่องอื่นๆ ที่เป็นเหตุจากการที่มีเงินทุนล้นระบบจนสามารถนำไปต่อยอดในธุรกิจอื่นได้อีก และที่เจ๊เมาธ์ว่ามาทั้งหมดนี้ก็จะบอกว่าหุ้นธนาคารยังดี...และน่าสนใจอยู่นั่นเองค่ะ
*** สำหรับ DELTA แล้ว ถึงแม้ว่าจะมีข่าวดีเข้ามาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโอกาสในการกลับเข้าไปอยู่ใน SET100 SET50 รวมไปถึงเรื่องของผลการดำเนินงานที่มีแนวโน้มว่าน่าจะดีมาก แต่การที่ราคาหุ้นของ DELTA ปรับราคาขึ้นมาได้ไกลขนาดนี้ มันก็ทำให้มีโอกาสที่จะถูกขายทำกำไรออกมาอยู่ตลอดเวลา นี่ยังไม่รวมไปถึงปัญหาเรื่องฟรีโฟลทที่ยังไม่เคยได้ถูกแก้ไข ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุของปัญหาที่จะตามมาได้ในอนาคต
ขณะเดียวกันก็ยังมีเรื่องของสงครามการค้าของจีนและสหรัฐ ซึ่งในระยะหลังๆ มานี้เน้นหนักไปที่เรื่องของสินค้าที่เป็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีโอกาสที่จะทำให้ DELTA มีโอกาสที่จะเกิดการขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิตได้อีกครั้ง ซึ่งถ้าหากเกิดปัญหาที่ว่านี้ ก็จะทำให้โอกาสในการสร้างรายได้และกำไรของ DELTA ลดลงอย่างมีนัยสำคัญซึ่งน่าจะไม่ใช่เรื่องที่ดีกับนัดลงทุนสักเท่าไหร่ ดังนั้น ในจังหวะนี้ ถ้าจะรอดูสถานการณ์ไปอีกหน่อยก็ไม่น่าจะเสียหาย หุ้นตัวนี้ไม่ต้องรีบ...ดูไปเรื่อยๆ ก็น่าจะได้ค่ะ
*** BANPU เป็นอีกหนึ่งหุ้นพลังงานที่เจ๊เมาธ์มองเห็นว่า มีศักยภาพพอที่จะเก็บเอาไว้เป็นหลุมหลบภัยได้ อย่างแรกคือ สินค้าของ BANPU ทั้งถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ รวมไปถึงส่วนแบ่งรายได้ที่มาจากบริษัทลูก (BPP) ยังถือว่าแข็งแกร่ง และยังมีโอกาสที่จะสร้างรายได้และกำไรให้กับ BANPU ไปจนถึงกลางปี 66 โน้นเลยทีเดียว
ส่วนอย่างที่สอง ก็เป็นเรื่องของราคาหุ้นของ BANPU ที่ดูเหมือนว่าจะนิ่งมาหลายเดือนแล้ว ซึ่งหากมีการขยับตัวขึ้นมาจริงๆ ก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่หุ้นตัวนี้อาจจะวิ่งแรงพอสมควร
อย่างสุดท้าย คือ เรื่องของปัจจัยพื้นฐาน ที่ไม่ว่าจะเป็นรายได้ หรือ กำไรในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาถือว่า BANPU ทำได้ดีมาก ดังนั้น ถ้าหากจะหาหุ้นที่เป็นหลุมหลบภัยซึ่งอาจจะมีอะไรดีเข้ามาได้ในอนาคต เจ๊เมาธ์ก็มองว่า BANPU เป็นหุ้นอีกตัวที่น่าสนใจทีเดียว