การยืน เดิน นั่ง หรือนอน เป็นเรื่องปกติในการใช้ชีวิตประจำวัน ที่ทุกคนทำตามความเคยชิน แต่หากทำไม่ถูกต้อง ก็อาจก่อให้เกิดโรคแบบไม่รู้ตัว เพราะอะไร?
แม้การยืน เดิน นั่ง และนอน เป็นเรื่องเบสิคที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่หลายคนมักทำท่าผิดโดยไม่รู้ตัว และอาจส่งผลให้เกิดอาการปวด และบาดเจ็บได้
หากเป็นผู้ที่ต้องยืนทำงานนานๆ มักมีอาการปวดเข่า ปวดหลัง ฯลฯ หากใส่รองเท้าที่ผิดจะเกิดแรงกระทำต่อข้อต่อข้อเท้า ข้อเข่า อาจส่งผลถึงคอ ทำให้คอเสื่อม กระดูกทับเส้นประสาท ปวดศีรษะรุนแรง ซึ่งต้นเหตุอาจมาจากการยืนลงน้ำหนักขาไม่เท่ากันก็เป็นได้
ปรับเปลี่ยนใหม่
บุคลิกการเดินของแต่ละบุคคลแตกต่างกันไป มักมาจากพฤติกรรมที่เคยชิน บวกกับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และความมั่นคงของข้อต่อ การเดินที่ปกติจะส่งผลต่อข้อสะโพก กระดูกเชิงกราน หลัง การเดินผิดต่อเนื่องนาน จะส่งผลให้สะโพกจะบิดหมุน ทำให้ขาผิดรูป ข้อเสื่อมเสี่ยงต่อการเคลื่อนของข้อสะโพก
ปรับเปลี่ยนใหม่
การเดินที่มั่นคงและไม่กระทบต่อข้อต่อต่างๆ ในร่างกายนั้น จำเป็นต้องมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ระดับหนึ่ง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อก้น ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อสำคัญในการพยุงร่างกายตลอดการก้าวเดิน เพื่อให้มีแรงกระแทกที่ข้อต่อต่างๆ ในร่างกาย และที่สำคัญอีกมัดคือกล้ามเนื้อแกนกลางกระดูกสันหลัง ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่พยุงร่างกายเราไว้ตลอดเวลาที่เรายืนเดินนั่นเอง
ลองฝึกทีละอย่างจนร่างกายเคยชิน ร่างกายจะเรียนรู้ในการใช้กล้ามเนื้อมากขึ้น ทั้งนี้อาจต้องออกกำลังกายกล้ามเนื้อก้นเพิ่มถ้ารู้สึกว่า เวลาเดินมากแล้วปวกหลังหรือปวดเข่า การเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อก้นจะช่วยให้การเดินอยู่ในรูปแบบที่ถูกต้องได้
เกือบ 90% เรามักอยู่ในท่านั่งต่อเนื่องหลายชั่วโมง เช่น ชับรถ ทำงาน ใช้คอมพิวเตอร์ เราชินกับท่าเดิมๆ นั่งผิด แต่รู้สึกสบาย เช่น นั่งไขว่ห้าง หลังค่อม คอยื่น ตัวเอียง ส่งผลเสียต่อโครงสร้างร่างกาย ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดความพิการหรือเป็นโรคร้าย เช่น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท กระดูกสันหลังคด บางรายส่งผลถึงการหายใจ หายใจไม่อิ่ม เหนื่อยง่าย เป็นต้น
ปรับเปลี่ยนใหม่
ในหลายงานวิจัยพบว่า ไม่ว่าจะเลือกเก้าอี้ หรือโต๊ะที่ผ่านการออกแบบเพื่อการนั่งที่ถูกต้องแล้ว หากไม่เปลี่ยนอิริยาบท ก็มีผลทำให้เกิดการบาดเจ็บของร่างกาย และเกิดอาการปวดได้เช่นกัน ดังนั้น จำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องเปลี่ยนอิริยาบท อย่างน้อยทุกๆ 1 ชั่วโมง ต้องลุกขึ้นมาเดิน และขยับร่างกายบ้าง
เป็นช่วงเวลาที่ทำให้โครงสร้างร่างกายเสียมากที่สุด เพราะใน 6-8 ชั่วโมง หากนอนในท่าที่ผิด มีผลต่อกระดูก กล้ามเนื้อ ข้อต่อ การไหลเวียนเลือด เส้นประสาท น้ำเหลือง ระบบไหลเวียน ส่งผลทำให้ อาการปวดหัวไหล่ ปวดคอ ปวดศีรษะ ชามือ ชาเท้า ปวดหลัง รู้สึกเพลียไม่สดชื่น และง่วงบ่อยทั้งที่นอนมาก
ปรับเปลี่ยนใหม่
อย่างไรก็ตามช่วงที่นอนหลับ ร่างกายจะปรับเปลี่ยนท่าทางเองโดยอัตนโมัติ เป็นกลไกของร่างกายที่ต้องการทำให้ระบบหมุนเวียนได้ ในขณะที่นอนต่อเนื่องนาน ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติของร่างกาย เพียงเราเซ็ทตอนนอนให้ถูกต้องก็พอ เมื่อร่างกายเรียนรู้แล้วส่วนใหญ่ของท่านอน จะเป็นท่าที่ถูกต้องเอง
ลองมาสังเกตตัวเองว่า ท่าที่เราใช้ในชีวิตประจำวันอย่าง ท่า ยืน เดิน นั่ง นอน เป็นท่าที่เราเคยชินทำอยู่ทุกวัน เป็นท่าที่ทำถูกต้องแล้วหรือยัง?? เพราะมันอาจจะเป็นตัวการที่ทำให้เกิดอาการปวด บาดเจ็บเรื้อรัง และอาจส่งผลก่อโรคแบบไม่รู้ตัวได้เหมือนกัน
ขอบคุณ : คลินิกกายภาพบำบัดอริยะ ไลฟ์เซ็นเตอร์ (คิวเฮ้าส์ ลุมพินี)