โรคหลอดเลือดสมองอุดตัน หรือที่เรียกว่า เส้นเลือดสมองอุดตัน (Ischemic Stroke) เป็นหนึ่งในภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่เกิดจากการอุดตันของลิ่มเลือดในหลอดเลือดสมอง ทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปยังสมองบางส่วนได้ ส่งผลให้เนื้อเยื่อสมองได้รับความเสียหาย จนเกิดอาการผิดปกติ
เช่น อาการอ่อนแรง,ชาครึ่งซีก, พูดไม่ชัด, มองเห็นภาพซ้อน, สูญเสียการมองเห็นในบางข้าง, เวียนศีรษะอย่างรุนแรง, สูญเสียการทรงตัว, ปวดศีรษะอย่างรุนแรงและฉับพลันโดยไม่ทราบสาเหตุ หากไม่ได้รับการรักษาทันที อาจทำให้เกิดความเสียหายถาวรต่อสมอง ส่งผลให้อัมพาตหรือเสียชีวิตได้
ปัจจุบันมีการรักษาเส้นเลือดสมองอุดตันด้วยเทคนิคการลากลิ่มเลือด หรือที่เรียกว่า Thrombectomy เป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดลิ่มเลือดที่อุดตันในเส้นเลือดสมอง กระบวนการนี้จะดำเนินการโดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านระบบประสาทและหลอดเลือดสมอง ซึ่งแพทย์จะสอดสายสวน (Catheter) ขนาดเล็กเข้าไปทางหลอดเลือดที่ขาหนีบ เพื่อนำลิ่มเลือดออกจากเส้นเลือดที่อุดตันในสมอง
นายแพทย์พงศกร พงศาพาส ประสาทศัลยแพทย์ โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า เทคโนโลยีที่ช่วยทำให้การรักษานี้มีประสิทธิภาพสูง คือการใช้ Biplane DSA (Biplane Digital Subtraction Angiography) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีถ่ายภาพรังสีสองมิติที่ช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นหลอดเลือดและลิ่มเลือดในสมองอย่างละเอียดและชัดเจนในหลายมุมมองพร้อมกัน ทำให้สามารถลากลิ่มเลือดได้อย่างแม่นยำและมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น
“โรงพยาบาลเวชธานี มีทีมแพทย์ชำนาญการด้านระบบประสาทและหลอดเลือดสมองที่พร้อมให้การรักษาผู้ป่วยด้วยเทคนิคการลากลิ่มเลือดผ่าน Biplane DSA โดยเทคโนโลยีที่ทันสมัยนี้จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการรักษาและลดความเสี่ยงจากการทำหัตถการ ทำให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างครบวงจร”
ข้อดีของการรักษาด้วยเทคนิคการลากลิ่มเลือดผ่าน Biplane DSA มีดังนี้
การรักษาด้วยเทคนิคการลากลิ่มเลือด เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเส้นเลือดในสมองอุดตัน ที่มาถึงโรงพยาบาลภายในเวลา 4-6 ชั่วโมงหลังจากเริ่มมีอาการ โดยในกรณีที่ผู้ป่วยได้รับการรักษาในช่วงเวลานี้ โอกาสฟื้นฟูการทำงานของสมองจะสูงที่สุด
ทั้งนี้ หากท่านหรือคนใกล้ชิดมีอาการของ เส้นเลือดในสมองอุดตัน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะทุกนาทีที่ผ่านไปหมายถึงความเสียหายต่อสมอง การรักษาอย่างทันท่วงทีด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยจะช่วยเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัวและลดความเสี่ยงต่อชีวิต