สองสามวันที่ผ่านมา ข่าวคราวของเจ้าวายร้าย COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ที่กำลังเข้ามาสู่สังคมไทยระลอกใหม่ ได้มีการเผยแพร่ออกมาอีกแล้ว ทำให้ผมไม่พูดถึงมันก็ไม่ได้เสียแล้วครับ
แม้ว่าการมาระลอกนี้ จะไม่รุนแรงเหมือนระลอกก่อนๆ ก็ตาม แต่เราก็ไม่ควรที่จะให้มันเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของเรานะครับ เพราะเราเริ่มแก่แล้วอันตราย
แม้ทางการจะยังได้มีการประกาศว่าจะรุนแรงแค่ไหนก็ตาม ก็ต้องรักษาสุขภาพเราให้ดีจะดีกว่านะครับ ผมเองก็ไม่ว่างพอที่จะไปนอนกักกันตัวเองครับ
ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา สังคมไทยเราเริ่มจะมองเห็นภาพในการระบาดของโรคร้ายได้เริ่มลดลงตั้งแต่ช่วงปลายปี ทางสถานบ้านพักคนวัยเกษียณของผม ที่ได้นำมาปรับสภาพให้ใช้เป็น Hospitel มาได้สักระยะหนึ่ง พอสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ทางรัฐบาลได้ประกาศให้เจ้าโรคร้าย COVID-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่นไป และยกเลิกการให้ความช่วยเหลือในการรักษาพยาบาลแก่ผู้ติดเชื้อ
ผมจึงได้นำเอา “คัยโกเฮาส์” ของผม กลับมารีโนเวทใหม่อีกครั้ง เพราะในช่วงที่ให้ผู้ติดเชื้อเข้ามาพักรักษาตัวอยู่นั้น สภาพภายในห้องพักบางห้อง ก็มีการชำรุดทรุดโทรมไปพอสมควร ต้องใช้งบประมาณในการปรับปรุงไปหลายสตางค์เลยครับ
อีกทั้งในช่วงดังกล่าว สวนผัก สนามหญ้า ต้นดอกไม้ ผลไม้ต่างๆ ก็ไม่สามารถเข้าไปตัดแต่งได้เลย เพราะเกรงอันตรายที่จะเกิดแก่พนักงานที่ต้องไปทำงาน แม้แต่ประตูหน้าต่าง ภายในห้องพัก หากไม่จำเป็นเราจะไม่ให้พนักงานเราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ด้วยเหตุของความปลอดภัยจากโรคระบาด และจะไม่ไปรบกวนผู้ป่วยที่พักอาศัยอยู่ในนั้นโดยไม่จำเป็น จึงทำให้ทุกอย่างทรุดโทรมมาก ต้องปรับปรุงใหม่ทั้งหมดครับ
วันเวลาที่ใช้ในการรับรักษาผู้ติดเชื้อทั้งหมดร่วมสิบเดือน เราต้องใช้เวลาในการรีโนเวทใหม่ทั้งหมดนานถึงหกเดือนเลยทีเดียวครับ น้องๆที่ทำงานอยู่ทุกคน ล้วนแล้วแต่ต้องเหน็ดเหนื่อยกันไปตามๆ กัน ไม่แพ้ช่วงที่ให้บริการอยู่เลยทีเดียว
ผมก็ได้แต่บอกน้องๆ ทุกคนว่า ทำไปเถอะ ขอให้มีความสุขกับการได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไทยด้วยกัน เพราะงานดูแลผู้ป่วยที่ผ่านๆ มา แม้จะไม่ได้มีกำไรเป็นตัวเงินสักเท่าไหร่ แต่ก็ได้ช่วยชีวิตและความเจ็บป่วยของพี่น้องคนไทยเรา ได้ไม่น้อยกว่าสี่-ห้าพันคนเลยทีเดียว แค่คิดว่าเป็นการสร้างบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ ก็มีความสุขและหายเหนื่อยแล้วครับ
แต่พอได้ยินว่า เจ้าวายร้ายตัวใหม่ ที่เป็นสายพันธุ์จากอังกฤษเข้ามา หัวใจก็ชักจะหวาดๆ เหมือนกัน ดีที่ว่ามีเพื่อนๆ หลายท่านที่ติดเจ้าโรคร้ายระลอกใหม่นี้ ก็สอบถามถึงอาการว่าเป็นอย่างไรบ้าง? เพื่อนๆ ก็บอกมาว่า ไม่เจ็บรุนแรงเหมือนครั้งที่เคยติดก่อนหน้านี้ เพราะมีเพียงอาการเจ็บคอ เสมหะเยอะ ไอและมีไข้เท่านั้น ส่วนอาการอื่นๆ เช่นหายใจไม่ออก เจ็บหน้าอก ก็ยังไม่ปรากฏว่ามีใครได้รับรางวัลนี้ไป ก็ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อยครับ
เราในฐานะผู้สูงวัย ก็ได้แต่เตือนกันเองว่า ให้ระมัดระวังตัวด้วยก็จะดีที่สุด เช่น อย่าลืมใส่หน้ากากอนามัย และควรจะพกพาเอาแอลกอฮอล์ในกระเป๋าเดินทางไว้ตลอด อีกทั้งต้องหมั่นสังเกตบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดเรา หรือคนที่มาร่วมเสวนาด้วยว่า เขามีอาการอะไรผิดปกติหรือเปล่า?
อย่าลืมว่าเขาไม่ระวัง เราเองก็ต้องระวังนะครับ “เพราะเราแก่แล้ว” เน้นจัง....!! ส่วนการล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ทุกครั้ง ก่อนหรือหลังหยิบจับสิ่งของที่เป็นของสาธารณะทั่วไป ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ต้องระวังนะครับ เพราะเราไม่รู้หรอกว่าเขามีอาการติดเจ้าวายร้ายตัวนี้อยู่หรือไม่ครับ
ในบรรยากาศที่เราคิดว่าปลอดภัยในช่วงนี้ ที่มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยเราเยอะมาก โดยสังเกตได้จากทุกๆ สถานที่สาธารณะต่างๆ มักจะพบเห็นชาวต่างชาติเดินป้วนเปี้ยนเยอะมาก นั่นแหละคือพาหะนำโรคชั้นดีที่เราเองอาจจะคาดไม่ถึงก็ได้ครับ
เพราะไม่ทราบว่าบ้านเมืองของเขา ไม่รู้ว่าจะเข้มงวดแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวยุโรป น่ากลัวที่สุดเลยครับ เพราะการระบาดในแถบยุโรป ไม่ได้ลดน้อยถอยลงเลย จะมีให้เห็นเป็นข่าวเป็นคราวเยอะมาก
ดังนั้นเราควรจะต้องระวังตัวเราให้ดีนะครับ อย่าได้การ์ดตกเป็นอันขาดครับ เพราะเกิดจับพลัดจับผลูไปติดขึ้นมา จะต้องกักตัวอีก ไม่สนุกแน่ๆ ครับ
อย่างไรก็ตาม ประเทศของเราก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเปิดประเทศ เพื่อเศรษฐกิจของเราเองจำเป็นต้องเปิดประตูกว้างๆ เข้าไว้ เพื่อให้ชาวบ้านอย่างเรามีการทำมาหากินกันต่อไป เพราะถ้ายังคงปิดประเทศอยู่เหมือนช่วงที่ผ่านมา มีหวังทำให้เศรษฐกิจของเรามีปัญหาเดี้ยงแน่ๆ
เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจึงจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังตัวเองให้มากๆ ด้วย ตัวเราเองนั่นแหละครับ เพราะหากไม่ระวังเรื่องของสุขอนามัย เราอาจจะเป็นเหยื่อของเจ้าโรคร้ายนี้อย่างช่วยไม่ได้นะครับ