Japan มีรากศัพท์ที่อ้อมค้อม นักภาษาศาสตร์เชื่อกันว่าส่วนหนึ่งมาจากการบันทึกโทนเสียงภาษาโปรตุเกสพูด ภาษาจีนอู๋ หรือ ภาษาจีนกลางสมัยแรก ญี่ปุ่น (Cipan) หมายถึง “จุดกำเนิดดวงอาทิตย์” (Sun Origin) ค่านิยมนี่ทำให้ใจฮึกเหิมว่าเป็น ลูกพระอาทิตย์ แต่คนขี้ร้อนก่นด่ากันว่า “ร้อนชิบ!”
ดีนะที่พระอาทิตย์ไม่ค้านตะพึดว่า “ เจ้าก็ไปบอก NASA สิว่า ช่วยสร้างเครื่องโครตเทอร์โบ เอาไปติดตั้งตรงขั้วโลกสักล้านเครื่อง แล้วขับโลกไปให้ห่างไกลสุดกู่ตามใจชอบ ก่อนจะปฏิบัติการอย่างว่า NASA ควรจะจุดธูปถามท่านพระหูดูก่อนว่าท่านเห็นด้วยหรือเปล่า” (ฮา)
โอ้เอ้ อ้อแอ้ และ เอ็ดอีง หลงทางในแอฟริกา โดนชนเผ่าหมอผีนักล่าหัวอำมหิตจับตัวทั้งสามคนอุ้มมาคุมตัวไว้ในถ้ำ หน้าถ้ำมีป้าย “สภาหมอผีผู้ทรงศักดิ์สิทธิ์” (ฮา) เริ่มต้นก็ปฐมนิเทศว่า
“ดาวเทียมที่พวกเอ็งใช้มันเป็น ดาวเทียมตาบอด (Blind Satellite) รึไง ส่องเห็นบ่อน้ำมันอย่างเดียว ไม่รู้เหรอว่าพื้นที่แถวนี้แต่เดิมเป็น เขตห้ามหวง
เดี๋ยวนี้เป็น เขตหวงห้าม (ฮา) ใครให้ ลายแทงตาบอด (Blind Stab) มาวะ เดินป่าสะเปะสะปะ ใครเข้ามาล้วงตับโซนนี้ไม่มีตั๋วกลับบ้านแม้แต่รายเดียว ข้าจะให้เอ็งฆ่าตัวตายเอาเอง อวัยวะทุกส่วนข้าจะเอาไปแปรรูป เส้นผมเอาไปสานตะกร้า กระดูกไปทำเป็นกาว ผิวหนังจะเอาไปขึงกับโครงไม้สำหรับพายเรือแคนู ใครอยากจะสั่งเสียอะไรก่อนตายก็พูดได้ตามใจชอบ!”
โอ้เอ้ ตะโกนรีบนำร่องคนแรกว่า “ชาติหน้าข้าจะตามมายุบสภาหมอผีผู้ทรงศักดิ์สิทธิ์ตลอดกาล!” ว่าแล้วก็เลียนแบบซามูไรด้วยการคว้านท้องอ้อแอ้ เสียงกระเส่าก่อนจะเอามีดปาดคอว่า “ชาติหน้าข้าจะฝึกมวยไทยคาดเชือกแล้วข้าจะกระเสือกกระสนมาเตะก้านคอเอ็ง ถึงจะชนะน็อคก็ไม่ขึ้นแท่นรับเหรียญอะไรทั้งนั้น” (ฮา)
เอ็ดอึง ถอดเสื้อมาอุดปากหยิบมีดเงื้อขึ้นมาแทงผิวหนังนับร้อยรูแล้วตะโกนว่า “เรือเอ็งจะเป็นเรือร้อยรู สำหรับเอ็งจะอดสูที่มันกลายเป็นเรือร้อยตา (Hundred Eye Boat) ไม่ใช่ตากล้องเอาไว้ส่องเส้นทาง มันคือตาน้ำ สะใจไหมล่ะ!” (ฮา)
เอ็ดอึงไม่มีโอกาสฆ่าตัวตาย เพราะโดนลูกน้องผู้นำหมอผีสกรัมซะจนจำไม่ได้โทษฐานไม่บริจาคร่างกาย (ฮา)
พระอาทิตย์ คือ ดวงตาของจักรวาล ถ้า จักรวาลตาบอด (Blind Universe) โซนอวกาศจะโกลาหล สังคมญี่ปุ่นในอดีตจัดว่าโดดเด่นตรงที่มี โรงเรียนตาสว่าง (Bright Eyes School)
อนุบาลไม่ได้เรียนบ้าเลือด ครูจะเน้นยกระดับจิตสำนึกเป็นหลัก ครูจะใช้กิจกรรมเป็นตำราในการสอนให้ตระหนักอยู่สามด้าน คือ น้ำใจ อดทน และ มารยาท นักท่องเที่ยวไปญี่ปุ่น จะประทับใจบุคลิกการก้มศรีษะด้วยความอ่อนน้อม ร.ร. อนุบาลไทยหลายแห่งก็ไปประยุกต์แบบมาตีตลาด คนมีตังค์ส่งลูกเข้าไปเรียนกันตรึม พ่อแม่จะได้สบายใจที่ลูก ๆ รู้จักให้เกียรติพ่อแม่ คล้ายเด็กปั๊มญี่ปุ่นทุกคนก้มศรีษะต้อนรับลูกค้าพร้อมกัน!
พระอาทิตย์ ผู้รับบทบาทเป็น ดวงตาของจักรวาล ยังสาดแสงเจิดจ้า ทำไมในวันนี้สายตาในครอบครัวลูกพระอาทิตย์ถึงได้มีแววกังวล จนผู้นำญี่ปุ่น ประกาศเชิงรุก ให้มนุษย์เป็นจุดศูนย์กลางในยุคสังคม 5.0?
ก่อนจะมีพายุ สังคมตาฟาง (Foggy Eyes Social) แผ่เมฆคล้ำทะมึนทะยอยมาคลุมสังคมเป็นหย่อมๆ ทิ้งช่วงบ้าง ต่อเนื่องก็มี แล้วแต่บรรยากาศของสังคม ครอบครัวญี่ปุ่นเคยมีสัญญาณพิสดารเกิดขึ้น คือ แม่อยู่บ้านคนเดียวก็เหงาจึงควักเงินจ้างให้ลูกอยู่บ้าน โดยไม่ต้องไปทำงาน หลังจากเรียนจบปริญญา เข้าข่าย ครอบครัวตาบอด (Blind Family) คล้ายๆ กับ บริษัทตาบอด (Blind Company)
ต่อมา NEETs คือ Not in Education, Employment or Training ค่านิยมนี้หลั่งไหลดุจน้ำหลากมาจาก สหราชอาณาจักร เมื่อปี 1990 รูปแบบการใช้ชีวิตของบุคคลผู้ที่มีอายุระหว่าง 15 ถึง 34 ปี ไม่มีงานทำ ไม่ทำงานบ้าน ไม่ได้ลงทะเบียนเรียนในโรงเรียน ไม่สนใจการฝึกอบรมเกี่ยวกับงาน และไม่หางานทำ จะบอกว่าเขาเป็น NEET 1.0 ก็ไม่น่าจะผิด
ล่าสุด NEET 1.0 ปรับโฉมเข้าสู่วาระ NEET 2.0 เรียกว่า neo - NEET เลือกที่จะไม่ผูกติดกับงานใดงานหนึ่ง มีท่าทีต่อต้านการปฏิบัติตามวัฒนธรรม และวิถีชีวิตทั่วไปที่ดำเนินกิจการในญี่ปุ่น เขามีรายได้จากงานออนไลน์ รับเป็นอินฟลูเอนเซอร์หรือ YouTuber ดูเหมือนจะโปรโมทตัวเองไปในตัวว่า เป็น NEET ที่พร้อมช่วยเหลือผู้อื่นในเรื่องงานและงานแปลกๆ มองกันแบบใจกว้างนับว่าเริ่มยืดหยุ่นดีกว่าลีลาไม้แข็งในฉากเริ่มต้น
ก็เอาเป็นว่า รัฐบาลหันไปทางซ้าย ก็เจอ ผู้ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี ขึ้นไป รวมตัวกันเต็ม ใน โอกินาวา ผู้มีอายุยืนเพราะมีสุขภาพดีเพราะรู้จักกิน “ชาเขียว!” ญี่ปุ่นซดชาร้อน ไทยเราชอบซดชาเย็น ผลมันจะเป็นอย่างไรผมไม่มีความเห็น ถ้าคนขายชาเขียวเขาเห็นหน้าประเดี๋ยวหน้าผมจะเขียว คลีนิกเยียวยาไม่ทัน (ฮา!)
รัฐบาลหันไปทางซ้าย ก็เจอ NEET รัฐบาลชะโงกดูในโรงงาน พนักงานบางคนทำท่าจะตีกบาล AI จริงๆ เขาเรียกกันว่า I-A-I คือ “ไอ้เอไอ” (ฮา) เจอแบบนี้มีคาถาเดียวให้ท่อง มนุษย์เป็นจุดศูนย์กลาง! (ฮา)