คนไทยจำนวนไม่น้อยเบื่อหน่ายพิธีกรรม แล้วหันตนเองเข้ามาศึกษาเรียนรู้เรื่องการปฏิบัติธรรมภาวนา
ผมมักจะเรียกผู้คนกลุ่มนี้ว่า บุคคลผู้พบการเดินทางของจิตวิญญาณ
บางคนใช้เวลากว่า 50 ปี จึงพบเส้นทางนี้ บางคนก็ 40 ปี หรือ 30 ปี กว่าจะพบเส้นทางนี้ แต่เชื่อหรือไม่ ทุกคนล้วนผ่านความทุกข์หนักๆ มาแล้วทั้งสิ้น จึงได้พบเส้นทางชีวิตเส้นนี้
บางคนครอบครัวแตกแยก บางคนธุรกิจพังทลาย บางคนมีหนี้สินล้นพ้นตัว หนักสุดบางคนได้สติคืนจากเดิมที่เคยคิดฆ่าตัวตาย ชีวิตเกือบไม่เหลืออะไรเลย
แต่ความจริงเขายังเหลืออยู่ เหลือจิตวิญญาณที่มากคุณค่า ที่สามารถหอบพาให้พ้นจากความทุกข์ได้ ถ้าเรียนรู้แล้วนำเอามาปฏิบัติ หลายคนเมื่อเดินทางมาในสายจิตวิญญาณชีวิตของเขาดีขึ้น เกิดปัญญามากขึ้น เห็นตัวทุกข์และเหตุแห่งทุกข์มากขึ้น
เพียงแค่เขาทุ่มเทกับการฝึกจิตวิญญาณอย่างมุ่งมั่น หลังจากที่ตัดสินใจ ทิ้งอดีตทุกอย่างให้อยู่กับอดีต ไม่หอบนำพามาในปัจจุบันด้วย
บางคนอาจมีภาระอยู่บ้างแต่ก็แบ่งเวลามาเพื่อเรียนรู้แล้วปฏิบัติ
การเดินทางของจิตวิญญาณของพวกเขามิได้ปรารถนาเป็นนักบวช แต่ปรารถนาพบวิธีปฏิบัติที่สามารถดับทุกข์ให้แก่ตัวของเขาได้ แล้วนำวิธีนั้นไปใช้กับชีวิตประจำวัน
ทุกครั้งที่ผมบรรยายธรรมในเชิงปฏิบัติ เพราะผมชอบมากจะบอกเสมอว่า กรรมฐานง่ายๆ ที่ฝึกได้ทันที โดยไม่ต้องมีวิธีการยุ่งยาก คือ "กรรมฐานเงียบ"
การฝึกกรรมฐานเงียบ เป็นการฝึกให้ตัวเองมีสติ อยู่กับทุกการกระทำในชีวิตประจำวัน แบบที่ไม่ต้องเคร่งเครียด แม้ว่าคุณจะต้องทำงาน ทำมาหากินใดๆ ก็พึงทำหน้าที่ไป แต่ทุกๆ อิริยาบถของการเคลื่อนไหว ขอเพียงแค่คุณเคลื่อนไหวแบบเงียบๆ อาทิเช่น เดินให้เงียบ, กินก็ให้เงียบ, วางช้อนก็เงียบ, เปิดประตูปิดประตูก็ให้เงียบ, ทำทุกอย่างโดยเงียบๆ เว้นเสียแต่สิ่งที่เกินเหตุปัจจัยในการควบคุม สตาร์ทรถแล้วเสียงดัง หรือเปิดน้ำแล้วเสียงดัง เป็นต้น
การที่คุณใช้ชีวิตประจำวันด้วยความเงียบทุกย่างก้าวของชีวิต จะทำให้คุณมีสติด้วยอัตโนมัติ เพราะเมื่อคุณขาดสติเมื่อไหร่ สิ่งต่างๆ ที่คุณปฏิบัติอยู่ในชีวิตประจำวัน ก็จะมีเสียงดังขึ้นมา แต่เมื่อไหร่ที่คุณมีสติ คุณจะนึกได้ว่าทำทุกอย่างเงียบๆ
อานิสงส์ของการฝึกกรรมฐานเงียบนี้ จะทำให้คุณมีภาวะจิตวิญญาณอยู่กับปัจจุบันขณะโดยธรรมชาติ และเมื่อสติของคุณค่อยๆ เบ่งบาน และอยู่แนบสนิทกับจิตวิญญาณ เมื่อนั้นความสุขของคุณจะลดน้อยลงเป็นลำดับ
เพราะตัวสติ จะตัดอาการปรุงแต่งทางความคิด โดยเฉพาะภาวะคิดลบ, ภาวะคิดเศร้าซึม ที่ทำให้คุณเป็นทุกข์ จะค่อยๆ ลดน้อยลงอย่างอัศจรรย์ โดยที่คุณไม่ต้องไปพยายามที่จะทำให้มันเกิดขึ้น แต่สิ่งเหล่านี้กลับเกิดขึ้นเอง เมื่อเกิดขึ้นแล้วคุณจะมองเห็นตัวเอง เข้าใจตัวเองมากยิ่งขึ้น
ไม่อยากคุยเข้าใจตัวเองโดยท้อแท้ ภาวะความสุขทั้งหลายก็จะเบาลง และทำให้เห็นเหตุแห่งทุกข์อย่างชัดเจน การที่รู้เห็นแต่ทุกข์นี้ ก็จะทำให้คุณสามารถดับทุกข์ได้อย่างอัศจรรย์ และที่สำคัญความทุกข์มีอยู่ กิเลสมีอยู่ แต่คงจะรู้สึกว่า ไม่ไปร่วมมือปรุงแต่งกับมัน จึงทำให้คุณรู้สึกอิสระทั้งกายและใจ
เมื่อสติลำเลียงตัวเองต่อเนื่องได้เหมือนลูกโซ่ สิ่งที่เป็นอานิสงส์อีกอย่างหนึ่งที่สัมผัสได้ทันที คือ ร่างกายคุณจะรู้สึกมีน้ำหนักเบาขึ้น เคลื่อนไหวได้รวดเร็วขึ้น ก้าวเดินเงียบๆ แบบชนิดที่เรียกว่าเบาราวเหาะได้
การเน้นฝึกกรรมฐานเงียบ สิ่งที่เรียกว่า สมาธิ จะเกิดขึ้นไม่ใช่แบบคนในระดับฌาน แต่ทว่าจะเป็นสมาธิแค่เพียงระดับ กัมมนีโย คือ สมาธิเล็กน้อย ประมาณคนหนึ่งคนขับรถบนถนน ใช้สมาธิแค่นั้นแต่ความแตกต่างอย่างมาก คือ ตัวสติจะมีมากกว่าสมาธิ การมีสติมากจะทำให้เห็นความคิดความรู้สึกตัวได้เร็ว ไม่จมกับอารมณ์ เหมือนนักภาวนาที่เน้นระดับการเดินฌาน การฝึกกรรมฐานเงียบ เมื่อฝึกชำนาญแล้วเรื่องการเข้าฌานเป็นแค่เรื่องง่ายๆ ที่ไปพักจิต
ดังนั้น การเดินทางของจิตวิญญาณ สำหรับผู้ที่สนใจแนะนำให้ฝึกกรรมฐานเงียบ ฝึกอยู่ที่บ้านหรือที่ทำงาน โดยไม่ต้องไปวัดเลยแค่ทำบ่อยๆ ทำได้ตลอดวันยิ่งดี จะเคลื่อนไหวอะไร ทำกิจกรรมอะไร ก็ขอให้เงียบ ถ้าคุณปฏิบัติแบบนี้ติดต่อกัน 21 วัน เพียงแค่ 21 วันเท่านั้นจริงๆ ชีวิตของคุณจะเปลี่ยนไปตลอดกาล วิธีคิดวิธีมองโลกของคุณ จะมีความแตกต่าง จากการคิดการมองโลกเยี่ยงปัจจุบันที่คุณเป็นอยู่หรือคุณเคยเป็นมาก่อน
กรรมฐานเงียบ คือ การอาศัยการใช้ชีวิตอย่างมีสติอย่างต่อเนื่อง แบบไร้รูปแบบ ลองนำเอาไปฝึกกันดูครับสองสัปดาห์ชีวิตเปลี่ยนแท้จริง