*** หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,857 ระหว่างวันที่ 29 ม.ค.-1 ก.พ.2566 โดย...กาแฟขม ...วันเวลาเคลื่อนตัวดั่งสายนํ้าไม่ไหลย้อนทวน เคลื่อนไปข้างหน้าแบบที่ไม่มีใครโกง หรือ หยุดไว้ได้ จะสิ้นเดือน ม.ค.เข้าสู่ ก.พ. ที่แสนสั้น และแน่นอนสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้จะหมดวาระลงวันที่ 23 มี.ค. 2566 เข้าสู่โหมดของการเลือกตั้งทั่วไป ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยื้อรัฐบาลไปจนครบวาระสภาฯ ก็จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 7 พ.ค.2566 ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้วางไทม์ไลน์หมุดหมายไว้แล้ว แต่ถ้ามีการยุบสภาก่อนหน้านั้น ก็จะมีการเลือกตั้ง 45-60 วัน ซึ่งเดินทางมาถึงตรงนี้ วันกาบัตรก็ไม่ได้หนีไปจากช่วงเวลาเดิมที่ กกต. กำหนดไว้ไปสักเท่าใด
*** เมื่อเข้าสู่โหมดที่จะมีการเลือกตั้งรอมร่อ การเมืองเรื่อง “กล้วย” ก็บรรเจิด จึงได้เห็นตลาดนัด ส.ส. เปิดกันวุ่นวาย ย้ายพรรค ย้ายเข้าย้ายออก มีโอกาสนั่งจิบกาแฟสนทนากับผู้คนแวดวงการเมือง เที่ยวนี้บอกสู้กันหนัก เกทับกันแรง ปั่นกันเปรอะไปหมด ค่าหัวของระดับผู้สมัครเกรด AA ไล่ดัชนีกันไปถึง 80 เกรด A มี 50 ถัดมาคุยกันที่ 30 แถมยกทีมยกซุ้มเข้ามาได้ 5-6 คน เอาตำแหน่งรมต.ไปอีก เหมือนที่บางพรรคประกาศจะๆ โต้งๆ ไม่มีเม้มกันแล้ว
เท่านั้นไม่พอยังแถมพ่วงการจัดโครงการรับเหมาเข้าไปให้อีก ช่วงนี้จึงได้เห็นคนออกมาปั่นราคาตัวเองกันเยอะเพื่อให้เข้าตานาย รับ “กล้วย” กันเยอะๆ การเมืองไทย พ.ศ.นี้ ไร้สิ้นความหวังเต็มที อุดมการณ์ไม่ต้องพูดถึง ไม่ได้แค่เก็บใส่ลิ้นชักธรรมดา แต่ลั่นกุญแจไว้ด้วย รับ “กล้วย” กันก่อน เอากันดีๆ พี่น้องประชาชน พวกนี้จะเอาสิทธิของเราไปยกมือทอนคืน แน่นอน การเมืองแบบนี้ไม่มีใครลงทุนฟรี จ่ายมา 10 ก็ต้องเอาคืน 20-30 หรือ จ่ายมา 50 ต้องเอาคืน 100 ชะรอยเป็นเช่นนั้น
*** การเมืองหลุมดำ การเมืองติดหล่ม ก้าวไม่พ้นเสียที! ประเทศไทยเมื่อ 20 ปีที่แล้วเป็นเช่นนี้ พ.ศ.นี้ ก็ยังแทบไม่เปลี่ยนแปลงไปสักเท่าใด โดยเฉพาะการมุ่งแย่งชิงอำนาจ แสวงหาอำนาจ พาตัวเองเข้าสู่อำนาจ โดยขาดจริยธรรม ไร้สปริต สวมเสื้อคลุมประชาธิปไตย แต่หัวใจเผด็จการ ปากว่าตาขยิบ นักการเมืองจำนวนมากเป็นเช่นนี้ คิดอย่าง พูดอย่าง ทำอย่าง ยังเป็นคำจำกัดความนักการเมืองประเทศนี้ ก๊วนการเมืองในพ.ศ.นี้เสมอ จนแทบหลงคิดว่าเป็นสัจจธรรมไปแล้ว
*** ไม่รู้เป็นเรื่องยาว หรือ เรื่องสั้น ฝ่ายค้านนำ โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ ยื่นถอดถอน ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม โดยยื่นถอดถอนออกจากส.ส.และตำแหน่งรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 โดยขอให้ประธานสภาฯส่งคำร้องไปยังประธานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่า ความเป็นรมต. และ สมาชิกภาพ ส.ส. สิ้นสุดลง และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ด้วยเหตุละเมิดรัฐธรรมนูญ ม.144 ว่าด้วยวิธีการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี กรณีการใช้นอมินีในการถือหุ้น
โดยก่อนหน้านี้ รมต. ถือหุ้นในบริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งหนึ่ง อยู่มาวันหนึ่งลาออกจากผู้ถือหุ้น แล้วให้พนักงานเป็นผู้ถือหุ้นแทน แต่โดยพฤตินัยเป็นเจ้าของบริษัทตัวจริง ซึ่งพนักงานรายนี้ไม่มีศักยภาพในการถือหุ้น ขณะเดียวกัน บริษัทแห่งนี้รับงานภายในกระทรวงคมนาคม เข้าข่ายเอื้อผลประโยชน์ต่อบริษัทดังกล่าว โดยที่รมต.เป็นรัฐมนตรีในกระทรวงนี้ และ บริษัทดังกล่าวได้งานทุกปี มูลค่าหลายพันล้านบาท ...ฝ่ายค้านว่าอย่างนี้พร้อมแนบเอกสารไปด้วย ข้างฝ่ายพรรคภูมิใจไทยต้นสังกัดรมต.ศักดิ์สยาม ก็สวนกลับบอกว่า จะยื่นให้ยุบพรรคเพื่อไทยที่ใส่ร้ายรมต.ก็ต้องดูต่อไป งานนี้จะหมู่หรือจ่า
*** มาแล้ว! คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.25% เป็น 1.50% ต่อปี โดยให้มีผลทันทีถือเป็นการปรับขึ้นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน และเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกของปีนี้ ต้นทุนการเงิน ต้นทุนประกอบธุรกิจก็จะเพิ่มสูงขึ้น ลำพังรายใหญ่ไม่ค่อยมีปัญหาในการระดมทุน ก่อนหน้าออกหุ้นกู้กันมาพรึ่บพรั่บ ระดมทุนตุนไว้ก่อน แต่รายเล็ก รายย่อย หรือรายบุคคลนี่สิ ดอกเบี้ยสูง เข้าไม่ถึงแหล่งเงิน ก็ต้องไปหาเงินกู้เสาไฟฟ้า หมวกกันน็อกซึ่งส่วนใหญ่พวกนี้เป็นนายทุนท้องถิ่นอิงแอบการเมือง เจอการทวงถามแบบโหดๆ แต่เป็นความจำเป็นของรายย่อยรายบุคคลจริงๆ ที่ต้องกู้ ว่าถึงดอกเบี้ย กนง.ก่อนไพล่มาเรื่องเงินกู้นอกระบบ ถ้าดูจำนวนผู้พึ่งพาตรงนี้จริงๆ เยอะมาก ทางการต้องดูแลเรื่องนี้จริงๆ จังๆ เสียทีเถิด
*** ต้องจับตามองกันแบบไม่กระพริบกันเลยทีเดียว สำหรับการปล่อยโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนล็อตใหญ่ 5.2 พันเมกกะวัตต์ ที่จะประกาศคุณสมบัติผู้ได้งานเร็วๆนี้ แว่วว่ามากันครบ รายใหญ่ไปจับมือรายย่อยหรือ แตกบริษัทย่อยๆ ลงไปตามพื้นที่ตามกริดที่มีและจัดพื้นที่ได้ เจ้าใหญ่เสนอกันไปคนละหลายร้อยเมกฯ เมื่อรวมๆ กัน ชื่อของผู้ที่ได้ว่ากันว่าชัดเจนแจ่มใสมาตั้งแต่ต้น การประกาศแค่พิธีกรรมเท่านั้นงานนี้น่าจะเรียกว่าเป็นการทิ้งทวนมากกว่าโครงการอื่นๆ บ้านเมืองเรา ก็เท่านี้ เล่นกันไม่กี่กลุ่ม คุมกันไม่กี่คน คอนเนคชั่น เหนือขึ้นไปมากกว่าคอนเนคชั่น ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินเรื่องราวบางประการเสมอมา ทั้งหมดทั้งสิ้นสุดท้ายประชาชนย่อมเป็นคนจ่ายกับสิ่งเหล่านี้ นั่นหมายถึงต้นทุนของคนจนของประชาชนมากขึ้นสูงขึ้นแพงขึ้นอยู่รํ่าไป