จับตา "ยืดล็อกดาวน์" ผ่อนปรนร้านอาหารในห้าง "นายกฯ" ถกศบค.ชุดใหญ่พรุ่งนี้

31 ก.ค. 2564 | 08:54 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ก.ค. 2564 | 16:17 น.

พรุ่งนี้ นายกรัฐมนตรี เรียกประชุม ศบค.ชุดใหญ่ จับตา ยืดเวลามาตรการ  "ล็อกดาวน์" ในพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัดออกไป หลังยอดผู้ติดเชื้อโควิดพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ ลุ้นผ่อนปรนร้านขายอาหารในห้าง 

ผู้สื่อข่าวรางานว่า ในวันพรุ่งนี้(1 ส.ค. 2564) เวลา 13.30 น. จับตาการประชุมศบค.ชุดใหญ่ จะมีวาระในการยืดเวลามาตรการล็อกดาวน์ และการผ่อนปรนขายอาหารในห้างสรรพสินค้า 

โดยการประชุมศบค.ชุดใหญ่ จะมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เป็นประธานประชุม ศบค. ครั้งที่ 11/2564 ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้องผ่านระบบซูม

รายงานข่าวจากศบค. ระบุว่า เบื้องต้นวาระการประชุมจะมีการเสนอให้ศบค. ยืดมาตรการล็อกดาวน์ หรือ ยังคงข้อกำหนดฉบับที่ 28 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) 13 จังหวัด ต่อเนื่องไประยะเวลาหนึ่ง ตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ 

ขณะเดียวกันจะมีการพิจารณาข้อเสนอขอให้ผ่อนปรนบางมาตรการ เช่น การอนุญาตให้ร้านขายอาหารในห้างสรรพสินค้า ให้เปิดขายแบบเดลิเวอรี่สั่งกลับบ้านเท่านั้น โดยจะเข้มงวดมาตรการป้องกันส่วนบุคคลของพนักงานในครัวมากขึ้น 

รวมถึงจะมีการหารือถึงมาตรการอื่นๆ อาทิ แนวทางในการจัดหาวัคซีนโควิด การจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ให้ครอบคลุมประชาชน ซึ่งหมายถึงการปรับแผนการฉีดวัคซีน ฯ

เมื่อวันที่ 29 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดตั้งแต่มีการล็อกดาวน์ 12 ก.ค.  และจะครบ 14 วันในวันที่ 2 ส.ค. ที่พบว่าตัวเลขผู้ป่วยยังไม่ลดลง จะเพิ่มการล็อกดาวน์หรือยกระดับมาตรการที่สูงขึ้นหรือไม่ว่า ทั้งหมดต้องปรึกษาทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของแพทย์ สาธารณสุข  หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการประชุมร่วมกันของ ศบค.ชุดเล็กอยู่ทุกวัน  ขณะที่ สธ.ก็ประชุมทุกวัน ส่วนจะล็อกดาวน์เข้มข้นหรือไม่นั้น ขณะนี้คณะแพทย์และทีมสาธารณสุขยังคงเห็นชอบในมาตรการเดิมอยู่ 

ทั้งนี้ การที่ตัวเลขไม่ลดลงมีหลายประการ หากเราปฏิบัติตามมาตรการที่ประกาศไปแล้วทุกคน ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอาจจะมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่สิ่งสำคัญคือความร่วมมือในการปฏิบัติ หากยังมีการทำในสิ่งที่ห้ามจะแก้ปัญหาไม่ได้ หากเราพิจารณาการแพร่ระบาดของเราอาจมองดูแล้วน่าตกใจ การเสียชีวิตในแต่ละวัน แต่อยากให้สนใจตัวเลขต่างๆ ของเพื่อนบ้าน ของต่างประเทศบ้าง ทั่วโลกได้รับผลกระทบด้วยกันทั้งสิ้น มีหลายประเทศมากกว่าเราหลายเท่า 

นายกฯ กล่าวว่า จากความเห็นทางสาธารณสุขและทางการแพทย์  มาตรการเดิมที่เราออกไปยังใช้ได้อยู่ในช่วงนี้ และต้องพิจารณาต่อไปตามห้วงระยะเวลา เราอาจเห็นตัวเลขมันแดง ขณะนี้มันยังขึ้นอยู่ ก็มีขึ้นมีลง แต่ตัวเลขผู้ที่รักษาหายก็สูงขึ้น ซึ่งเป็นตัวเลขสำคัญ

ส่วนนอกระบบเท่าที่ทราบก็มีการดูแลกันเองในชุมชน ในพื้นที่เขาเองก็มีผู้หายป่วยไปอีกเยอะ ดังนั้นขอให้ความสำคัญกับเรื่องของมาตรการขั้นต้นของตัวเอง และตามมาตรการที่รัฐกำหนด และวันนี้ได้มีการปรับแนวทางการรักษาได้นำ Antigen Test Kit (ATK) เข้ามาช่วยตรวจหาเชื้อ ซึ่งทางแพทย์บอกว่าตรวจครั้งเดียวอาจจะไม่ได้ผล 100% อาจจะต้องรอ 7  วันตรวจอีกครั้งหนึ่ง เรื่องที่เป็นกังวลคือผู้ป่วยโควิดรักษาตัวอยู่ที่บ้าน  ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยว ไม่ได้เข้าออก เพื่อนบ้านไม่ทราบ

นอกจากนี้ได้แก้ปัญหาเรื่องสายโทรศัพท์ ปลดล็อกเรื่องเปิดช่องทางให้มากขึ้นเพื่อให้บริการฟรี โดยให้ กสทช.ช่วยดูแล อย่างไรก็ตามต้องขออภัยเรื่องนี้ด้วยและได้พยายามแก้ปัญหา
เสียใจกับคนที่สูญเสีย
"ผมเพียงแต่พูดว่า ผมเห็นใจ ผมเสียใจ และผมก็พยายามแก้ปัญหาอุปสรรคที่มีมากมาย นายกฯ ก็ยินดีที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และต้องมีความร่วมมือระหว่างกันด้วยข้อมูล ข้อเท็จจริงที่ตรงกันถึงจะแก้ปัญหาได้ นายกฯ ทำงานไม่เคยทิ้งสักงาน คงไม่ใช่โควิดอย่างเดียว โควิดเป็นเรื่องหลักที่ประชาชนเดือดร้อน แต่มีเรื่องอย่างอื่นตามมาด้วย ทั้งคุณภาพชีวิต การต่างประเทศ เศรษฐกิจ  สังคม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การลงทุน การค้า การเพิ่มรายได้ประเทศ ก็ต้องทำทุกเรื่อง แต่นายกฯ ไม่เคยท้อ เพียงแต่เสียใจกับคนที่สูญเสีย และให้กำลังใจกับคนที่ทำงาน อย่าท้อแท้ เพราะเป็นสิ่งที่เราต้องทำด้วยกัน เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน"