ครม.ไฟเขียว "ล็อกดาวน์-เคอร์ฟิว" 29 จว.สีแดงเข้ม ตามมติศบค. ถึง 31ส.ค.

17 ส.ค. 2564 | 06:28 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ส.ค. 2564 | 13:59 น.

มติครม.ล่าสุด  รับทราบมติศบค. ยังคงมาตรการ "ล็อกดาวน์-เคอร์ฟิว" พื้นที่ 29 จังหวัดสีแดงเข้ม หรือ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเช้มงวด ไปจนถึง 31ส.ค. 2564

วันที่ 17 สิงหาคม 2564 รายงานข่าวระบุว่า มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ล่าสุด มีมติรับทราบตามมติของศบค.ชุดใหญ่ เมื่อวันที่ 16 ส.ค.64 ที่เห็นชอบมาตรการล็อกดาวน์-เคอร์ฟิว หรือ ห้ามออกนอกเคหสถาน 21.00-04.00 น.พื้นที่ 29 จังหวัด สีแดงเข้ม ไปจนถึงวันที่ 31 สิงหาคมนี้ 

รวมทั้งเพิ่มการตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อโดยใช้ ชุดตรวจ ATK ใน กทม. และปริมณฑล เน้นให้หน่วยงานรัฐและเอกชนบังทำงานที่บ้าน หรือ Work from home (WFH) 

และเห็นชอบให้ผ่อนคลายกิจกรรมให้เปิดธนาคาร/สถาบันการเงินในห้างสรรพสินค้าได้ 

โดยมติครม. ที่รับทราบมติศบค.เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 64 ทั้งหมดมีดังนี้

  1. การคงระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร และตามมาตรการเดิม วันที่ 18 - 31 ส.ค. 2564
  2. การเพิ่มมาตรการ และการจัดการขององค์กร อาทิ การตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อโดยใช้ ATK ใน กทม. และปริมณฑล จัดระบบการนำเข้าสู่ HI CI หรือรพ. -พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดยังคงเน้น WFH ต่อเนื่อง และพนักงานของ ภาครัฐ/เอกชน ที่ต้องมาปฏิบัติงาน ขอให้มีการคัดกรองด้วย ATK ทุกสัปดาห์ เพื่อให้มีความพร้อมก่อนการคลายล็อกดาวน์  -เตรียม Company Isolation สำหรับหน่วยงานที่มีพนักงานเกิน 50 คน -เร่งรัดการฉีดวัคซีน ให้มีความครอบคลุมของวัคซีนกลุ่มเสี่ยงอย่างน้อย 80% ในกทม. อย่างน้อย 70% ใน 12 จังหวัด และอย่างน้อย 50 % ในพื้นที่อื่น 
  3. ให้ประชาชน องค์กร สถานประกอบการ สามารถตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตัวเองได้ โดยรัฐสนับสนุนให้มีการใช้อย่างทั่วถึง และเน้นย้ำให้ประชาชน ใช้การป้องกันตนเองของประชาชนในทุกกรณี (Universal Prevention) รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาร่วมจัดทำ Thai Covid Pass เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดประเทศ
  4. ปรับมาตรการในพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด โดยให้เปิดกิจการธนาคาร/สถาบันการเงินในห้างสรรพสินค้าได้

พร้อมทั้งเห็นชอบรับความช่วยเหลือด้านการแพทย์และสาธารณสุขจากต่างประเทศในการแลกวัคซีนโควิด 19 (AstraZeneca) ระหว่างรัฐบาลภูฏานกับรัฐบาลไทย และเห็นชอบการรับมอบ Monoclonal antibody จากกระทรวงสาธารณสุข ประเทศเยอรมนี ของบริษัท Regeneron สำหรับการดูแลผู้ป่วยหนัก โดยมีการขึ้นทะเบียน อย.ไทย แล้ว

รวมทั้งเห็นชอบการให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าร่วม Phuket Sandbox เดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดภูเก็ตกับพื้นที่นำร่องอื่น (7 + 7) ประกอบด้วยจังหวัดสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) จังหวัดกระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์) และจังหวัดพังงา (เขาหลัก เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่) ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป

โดยให้เตรียมความพร้อมด้านการแพทย์ สาธารณสุข ภายใต้มาตรการสาธารณสุขและการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีแผนรับมือหรือแผนชะลอหรือยกเลิกโครงการ รวมทั้งยังผ่อนผันการจัดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร การประชุมร่วมกันของรัฐสภา และผ่อนผันการเคลื่อนย้ายในห้วงเวลาการห้ามออกนอกเคหสถานด้วยหากมีความจำเป็นเร่งด่วน