เลิกล็อกดาวน์-เปิดเมือง หมอมนูญชี้การระบาดมาจากในบ้านมากที่สุด

16 ส.ค. 2564 | 02:24 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ส.ค. 2564 | 09:23 น.

หมอมนูญจี้เลิกล็อกดาวน์แล้วเปิดเมืองให้ประชาชนออกมาทำงาน ค้าขาย ท่องเที่ยว เว้นไปสถานที่ที่้มีการรวมกลุ่ม ชี้การระบาดมาจากในบ้านมากที่สุด

รายงานข่าวระบุว่า นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ (หมอมนูญ) ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว (หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC) โดยมีข้อความระบุว่า
“กักตัวคนป่วยและกลุ่มเสี่ยง ไม่ใช่ล็อกดาวน์ทั้งเมือง”
โรงพยาบาลเป็นสถานที่เสี่ยง มีคนไข้โรคโควิด-19 เข้ามารับการรักษาทุกวัน มีแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ ติดเชื้อไวรัสจากคนไข้ขณะปฏิบัติงานในทุกโรงพยาบาล เมื่อวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัสโควิดก็ให้หยุดทำงาน และถูกกักตัวจนกว่าจะพ้นระยะแพร่เชื้อ จึงให้กลับมาทำงาน นอกจากนี้คนที่ใกล้ชิดกับคนที่ติดเชื้อในแผนกนั้นต้องได้รับการตรวจยืนยันว่าไม่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้หยุดงาน และตรวจซ้ำอีกครั้ง 4-5 วัน ให้แน่ใจว่าไม่ติดเชื้อ จึงให้กลับมาทำงานได้ เพื่อป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อให้ผู้อื่น 
ต้องยอมรับว่าบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลทุกคนถึงแม้จะระวังตัวเต็มที่ ดูแลตัวเอง ใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ ได้รับวัคซีนครบแล้ว ก็ยังติดเชื้อไวรัสโควิด การป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาทำได้ยากมากๆ
ไม่มีใครมาสั่งปิดโรงพยาบาลเมื่อพบบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โรงพยาบาลปฎิบัติกับคนติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่นเดียวกับคนติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ อัตราตายของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย ร้อยละ 0.1 (ไม่ใช่ร้อยละ 2) พอๆกับไข้หวัดใหญ่ปี 2009 แต่ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลอัตราตายน้อยกว่าประมาณร้อยละ 0.03 ประเทศไทยไม่มีการประกาศล็อกดาวน์ช่วงที่มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ปี 2009 

ถึงเวลาแล้วเราควรเอาบทเรียนจากมาตรการที่ใช้กับโรงพยาบาลนำไปใช้กับทุกสถานประกอบการ หน่วยงานต้องรับผิดชอบกับคนงานของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นแคมป์ก่อสร้าง งานก่อสร้าง โรงงาน ระบบขนส่งสินค้าพัสดุ ห้างสรรพสินค้า ร้านตัดผม ตลาด ร้านค้า สนามกอล์ฟ  สนามกีฬา สวนสาธารณะ เมื่อพบคนติดเชื้อ ให้คนติดเชื้อและคนใกล้ชิดหยุดทำงาน กักตัวจนกว่าจะพ้นระยะแพร่เชื้อ เพื่อลดการแพร่เชื้อไวรัสโควิดให้ผู้อื่น ไม่ควรมีการสั่งปิดสถานที่ใดที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด ทุกคนที่แข็งแรง ไม่มีอาการสามารถทำงานตามปกติต่อไปได้

นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์
การล็อกดาวน์ ปิดเมือง ปิดการเดินทาง ผลออกมายอดผู้ติดเชื้อของการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ระลอกนี้ นอกจากจะไม่ลดลงยังเพิ่มขึ้น เป็นการยืนยันว่าไม่ได้ผล ควรผ่อนคลายบ้างแล้ว เพราะการระบาดครั้งนี้เกิดขึ้นในบ้านมากที่สุด
โรคโควิด-19 ทำให้คนไทยเดือดร้อนมากพอแล้ว การล็อกดาวน์ยิ่งทำให้คนไทยเดือดร้อนมากขึ้นอีก

ถึงเวลาควรเปิดเมือง ใครมีงานทำก็ไปทำ ค้าขายก็ค้าขายไป ไปท่องเที่ยวก็ไป ยกเว้นไปสถานที่คนรวมตัวกัน รวมกลุ่มกันมากๆ ไม่เว้นระยะห่าง สถานที่อากาศถ่ายเทไม่ดี ติดแอร์ เช่น ผับ บาร์ สนามมวย บ่อนการพนัน โรงหนัง กิจกรรมสันทนาการ สังสรรค์ ทานอาหารร่วมกัน (เพราะต้องถอดแมสก์) ทุกคนต้องระวังตัวเต็มที่ ดูแลตัวเองทั้งนอกบ้านและในบ้านใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ และรีบฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้เร็วที่สุด
สำหรับสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 (Covid-19) ในประเทศไทย วันที่ 16 สิงหาคม 64 นั้น "ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามการรายงานจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. พบว่า ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นรวม 21,157 ราย มาจาก ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 20,499 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 658 ราย  ผู้ป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 เม.ย.64) 899,451 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 182 ราย หายป่วยกลับบ้าน 20,984 ราย กำลังรักษา 210,934 ราย หายป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 เม.ย.64) 682,220 ราย