นกแอร์ยันไม่ขาดนักบินดีเลย์เพราะสภาพอากาศ

10 ต.ค. 2559 | 15:00 น.
นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินนกแอร์ กล่าวว่า ปัจจุบันนกแอร์ ไม่ได้มีปัญหาเรื่องนักบินขาดแคลนแล้ว โดยในภาพรวมขณะนี้มีจำนวนนักบินเกินอยู่ราว 30-40 คน จากความต้องการนักบินของนกแอร์ โดยเฉพาะนักบินในรุ่นโบอิ้ง737-800 ส่วนนักบินรุ่นQ-400 ก็มีพอดีอยู่ แต่เรามองว่าจะต้องมีมากกว่านี้ เพราะต้องการขยายฝูงบินรุ่นนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเทรนนิ่ง

ทั้งนี้จนถึงสิ้นปีนี้ นกแอร์ จะมีเครื่องบินรุ่นโบอิ้ง737-800 จำนวน 23 ลำ และ เครื่องบินใบพัดรุ่น Q-400 NextGen จำนวน 8 ลำ ดังนั้นการมีนักบินเกินเป็นสิ่งที่ดีต่อการรองรับการขยายฝูงบินของนกแอร์ ที่เราวางแผนไว้ และเรายังได้นำโบอิ้ง เทรนนิ่ง เข้าอยู่ที่ศูนย์ฝึกการบิน Pan Am Thailand ซึ่งมีซีมูเลเตอร์ รองรับการฝึกบินนักบินเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ของนกแอร์ได้

นอกจากนี้นกแอร์ ยังให้ความสำคัญมากต่อการยกระดับมาตรฐานนักบิน ให้อยู่ในระดับมาตรฐานเท่ากับมาตรฐานของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (European Aviation Safety Agency: EASA) เนื่องจากนกแอร์มีแผนจะร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรสายการบินในยุโรป ในการแลกเปลี่ยนการใช้งานเครื่องบินร่วมกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือร่วมกันกับ 3 บริษัทของต่างประเทศ

ส่วนปัญหาเที่ยวบินดีเลย์ล่าช้า(ดีเลย์)ของนกแอร์ ในช่วงเดือนกันยายน-ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เกิดจากสภาพอากาศ ที่มีฝนตกต่อเนื่อง มีพายุ และหมอกหนาในบางพื้นที่ เป็นสาเหตุหลัก ซึ่งทุกสายการบินมีปัญหาเรื่องการดีเลย์ในช่วงดังกล่าวเช่นกัน เพียงแต่ไม่ได้เป็นข่าวมากมายเหมือนนกแอร์ จึงอยากให้ผู้โดยสารเข้าใจว่า หากทัศนวิสัยในด้านการบินต่ำกว่า 500 เมตร เครื่องบินจะลงไม่ได้ และสายการบินให้ความสำคัญกับเรื่องเซฟตี้มาก เพราะเป็นเรื่องสำคัญในการดำเนินธุรกิจการบิน จึงจะไม่ให้มีปัญหาในเรื่องนี้เกิดขึ้นมา ซึ่งนกแอร์ ก็เป็นสายการบินที่ทำการบินระหว่างประเทศด้วย

"การดำเนินธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำ ไม่มีใครอยากให้เที่ยวบินดีเลย์ เพราะนั่นก็หมายถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งนกแอร์ ถือว่ามีเที่ยวบินดีเลย์ไม่มาก วัดได้จากการจัดเก็บสถิติด้านการให้บริการตรงต่อเวลาหรือ On-Time Performance ของสายการบิน ในช่วง 6-7 เดือนที่ผ่านมา เฉลี่ยจะอยู่ที่ 90% ส่วนในช่วงกันยายน-ตุลาคม อยู่ราว 82-83% และส่วนใหญ่เกิดจากปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาทิ สภาพอากาศ ความหนาแน่นของสนามบิน และปัจจุบันนกแอร์ยังติดอันดับ 7 ในเรื่อง On-Time Performance ของโลกด้วย โดยค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 80-90%"

การทำงานของนกแอร์ ถือว่ากำลังก้าวไปข้างหน้าตามเป้าหมายและทิศทางที่วางไว้ ซึ่งปัจจุบันนกแอร์ทำการบินอยู่เฉลี่ย 148 เที่ยวบินต่อวัน ใน 27 เดสติเนชั่น เป็นเที่ยวบินในประเทศ 24 เดสติเนชั่น เส้นทางบินระหว่างประเทศ 3 เดสติเนชั่น และสายการบินมีแผนขยายเส้นทางบินไปยังต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยในเดือนธันวาคมนี้ จะเปิด 2 จุดบินใหม่สู่จีน คือ เส้นทางกรุงเทพฯ-คุนหมิงและเส้นทางกรุงเทพฯ-กวางโจว นายพาที กล่าวทิ้งท้าย

ด้านนายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยหรือกพท. กล่าวว่า กทพ. ได้เรียกสายการบินนกแอร์ มาหารือถึงความล่าช้าของเที่ยวบินในช่วงตั้งแต่สิงหาคม-ต้นตุลาคมที่ผ่านมา ก็พบว่า ส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาสภาพอากาศ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน ไม่ได้เกิดจากข้อบกพร่องของสายการบิน และปัญหานักบินขาด ซึ่งการดีเลย์ในช่วงดังกล่าว ก็ไม่ใช่เฉพาะนกแอร์ แต่สายการบินอื่นๆก็มีปัญหาในเรื่องนี้เช่นกัน เพียงแต่นกแอร์อาจจะมีการทำการบินภายในประเทศมาก และทำการบินในบางเส้นทางที่มีคนทำการบินน้อย จึงอาจะได้รับการร้องเรียนหรือเป็นข่าวมากกว่า

ทั้งนี้ ในเดือนกันยายนที่ผ่านมานกแอร์มีเที่ยวบินล่าช้า 12% จากจำนวนเที่ยวบินทั้งหมด 5,700 เที่ยวบิน นั่นหมายถึงอีก 88% ยังคงให้บริการตรงเวลา ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่ได้ล่าช้ามาก แต่วมีปัญหามาก คือวันที่ 30 กันยายน เนื่องจากสนามบินดอนเมืองมีการปิดสนามบินบางช่วงเวลาที่มีฝนตกหนักมาก นกแอร์ ต้องยกเลิกเที่ยวบินในเส้นทางบินสู่นครพนม ไป 1 เที่ยวบิน และมีเรื่องขัดข้องทางเทคนิคเล็กน้อยที่เกี่ยวกับความดันอากาศ แต่ไม่ได้เป็นเรื่องอันตราย ของเครื่องบิน Q-400 เนื่องจากเป็นเครื่องบินใหม่ ที่อาจพบปัญหาบ้าง และตอนนี้อยู่ระหว่างแก้ไขระบบเล็กน้อย

Photo : Pixabay ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อข่าว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,199 วันที่ 9 - 12 ตุลาคม พ.ศ. 2559