นายเกรียงศักดิ์ ประทิปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า(อคส.) เปิดเผยภาย หลังลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ กับสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ว่า เป็นความร่วมมือในการพัฒนาพันธุ์ข้าว 7 ชนิด ตามนโนยายกระทรวงพาณิชย์ โดยเบื้องต้น อคส. จะสั่งซื้อผ่านทางสมาคม 10-20 ตันเพื่อช่วยในเรื่องการทำตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยตลาดต่างประเทศซึ่งอคส.จะนำร่องส่งอออกไปมาเลเซียเป็นประเทศแรก ผ่านหน่วยงานจัดซื้อข้าวแห่งชาติของมาเลเซีย (เบอร์นาร์ด) เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการส่งออกข้าวไทยภายหลังในช่วงที่ผ่านมาส่วนแบ่งข้าวไทยในมาเลเซียลดน้อยลง
สำหรับชนิดข้าวที่ส่งออกได้แก่ ข้าวพื้นนุ่ม เพิ่มเติมจากข้าวขาว และข้าวหอมมะลิ ตั้งเป้าส่งออกให้ได้มากที่สุด โดยคาดว่าจะสามารถเปิดเจรจาส่งออกข้าวได้ไตรมาส 3 ปีนี้ ส่วนตลาดในประเทศ อคส.จะใช้ข้าวขาวนุ่มกำแพงเพชร ที่คาดจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดปีนี้ประมาณ 2 พันตัน โดยจัดทำเป็นข้าวบรรจุถุงๆ 5 กิโลกรัม ราคาไม่เกิน 200 บาท โดยจะวางจำนวนในงานธงฟ้า และห้างสรรพสินค้า /สำหรับราคารับซื้อจากเกษตรกรจะมีการหารือร่วมกับ อคส. อีกครั้งโดยจะพิจารณาจากผลผลิตข้าวที่ออกสู่ตลาด โดยยืนยันจะเป็นราคาที่เป็นธรรมแน่นอน
“ การรับซื้อตอนนี้ขึ้นอยู่กับทางสมาคมว่าใน 10 ตันเป็น 10 ตันข้าวเปลือก อัตราการสี 1 ตันจะได้ 600 กิโลกรัม เป็นข้าวที่อัตราการสีขั้นต้นโดยเฉลี่ยได้ถึง 60% โดยเป้าหมายที่จะวางตลาดคือในไตรสมาส 2 ปีนี้ ส่วนราคารับซื้อจากเกษตรกรจะมีการหารือร่วมกับ อคส. อีกครั้งโดยจะพิจารณาจากผลผลิตข้าวที่ออกสู่ตลาด แต่ย้ำว่าจะเป็นราคาที่เป็นธรรมแน่นอน สำหรับผลผลิตข้าวพื้นนุ่มปี 64/65 คาดว่าจะปริมาณ 3 พันตันข้าวเปลือก ”
ด้านนายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะเพิ่มทางเลือกให้กับชาวนาในการเพาะปลูกข้าวสายพันธุ์ดีขายในประเทศและส่งออกต่างประเทศ สำหรับผลผลิตข้าว กข 79 ปัจจุบันผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 1 ตัน ราคาเฉลี่ยตันละ 9,300-9,700 บาท ข้าว กข85 เฉลี่ยตันละ 8,500-8,700 บาท สำหรับพื้นที่ภาคกลางที่สามารถปลูกข้าวพื้นนุ่มได้ ได้แก่ อยุธยา ฉะเชิงเทรา ปทุมธานี กรุงเทพ นครปฐม และสุพรรณบุรี