นายพรหมฤทธิรงค์ มหัพพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออร์แกนิก กระท่อม จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมเดินหน้าประกอบธุรกิจพืชกระท่อม ครบวงจร ทั้งการเพาะปลูก การวิจัยและพัฒนา การสกัด การแปรรูป การผลิตสินค้าประเภทต่างๆ การจัดจำหน่ายทั้งในและนอกประเทศ รวมทั้งการเป็นตัวแทนซื้อขายพืชกระท่อม และผลิตภัณฑ์พืชกระท่อมแบบครบวงจร
ทั้งนี้หลังจากที่มีพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2564 ปลดล็อกพืชกระท่อม ออกจากยาเสพติดให้โทษ ทำให้ประชาชนสามารถปลูกและขายได้ โดยมีผลเมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้พืชกระท่อมกลายเป็นอนาคตของพืชเศรษฐกิจที่แท้จริงของประเทศไทย สามารถสร้างธุรกิจมูลค่านับหมื่นล้านได้
ซึ่งจากการศึกษาพบว่า ตลาดโลกยังต้องการกระท่อมเป็นจำนวนมาก ตลาดมีการแข่งขันกันน้อย เพราะกระท่อมปลูกได้ดีในพื้นที่แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และต้นกระท่อมพันธุ์ที่ดีที่สุดก็มาจากประเทศไทย
“ใบกระท่อมในประเทศไทย ยังมีน้อยมาก ไม่เพียงพอต่อการนำมาใช้ในเชิงอุตสาหกรรม บริษัทจึงเปิดตลาด ธุรกิจต้นน้ำด้วย โครงการปลูกความสุข-เกษตรพันธะสัญญา เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกร ปลูกต้นกระท่อมอินทรีย์ ไม่ใช้สารเคมีใดๆในกระบวนการเพาะปลูก ซึ่งต่อไปจะกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ที่จะสร้างรายได้ที่สูงกว่าพืชชนิดอื่นๆ ปลูกได้ในทุกภูมิภาค ดูแลง่าย ให้ผลผลิตที่สม่ำเสมอและยาวนาน ปลูกครั้งเดียวเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้ชั่วลูกชั่วหลาน”
สำหรับโครงการปลูกความสุข มีรูปแบบการดำเนินในลักษณะเกษตรพันธะสัญญา คือบริษัทจะทำสัญญาการเพาะปลูกกับเกษตรกรหรือผู้สนใจ โดยบริษัทมีรูปแบบการเพาะปลูกให้เลือกทั้งแบบฟาร์มมาตรฐาน (Standard Farming) และฟาร์มสมัยใหม่ (Smart Farming) นวัตกรรมใหม่ในการเพาะปลูกที่จะให้ผลผลิตที่มีคุณภาพและปริมาณที่มากกว่า
มีขั้นตอนการดำเนินงานต่างๆ เริ่มตั้งแต่การให้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับการปลูกพืชกระท่อม การตรวจวิเคราะห์คุณภาพดินและแหล่งน้ำการออกแบบฟาร์ม การวางระบบการให้น้ำ การจัดหาต้นกล้ากระท่อมก้านแดงสายพันธุ์แท้ ซึ่งจะมีบาร์โค้ดกำกับต้นกล้าทุกต้น เพื่อเก็บประวัติข้อมูลสำคัญต่างๆ การเพาะปลูกและการบำรุงรักษา การเก็บใบ การจัดเก็บและขนส่งมายังโรงงาน
อย่างไรก็ดี บริษัทมีเป้าหมายในการส่งเสริมและสนับสนุนการเพาะปลูกต้นกระท่อมพันธุ์ก้านแดง จำนวน 10 ล้านต้น เพื่อให้ได้ใบกระท่อมเพียงพอที่จะป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมกลางน้ำ ทั้งการสกัดและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดต่าง เพื่อเป็นการรักษาเสถียรภาพด้านวัตถุดิบ กลุ่มลูกค้าหลักคือเกษตรกรที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับการเพาะปลูกพืชเกษตรชนิดอื่นๆ ในด้านต่างๆที่ไม่ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องวิธีการเพาะปลูก รายได้ รวมทั้งกลุ่มผู้สนใจทั่วไปที่มีความต้องลงทุนด้านการเกษตรที่สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน
นายพรหมฤทธิรงค์ กล่าวอีกว่า เนื่องจากพืชกระท่อมยังเป็นสิ่งใหม่ จึงต้องประสานงานกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรมส่งเสริมการเกษตร กรมโรงงาน กรมการค้าภายในประเทศและต่างประเทศ สถาบันการศึกษาที่เชี่ยวชาญการวิจัยพืชกระท่อม วิสาหกิจชุมชน ผู้นำท้องถิ่น เป็นต้น เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง
ทั้งนี้เป้าหมายระยะสั้นของบริษัทจะมุ่งเน้นธุรกิจต้นน้ำ คือการเพาะปลูกต้นกระท่อม เพื่อให้เรามีเสถียรภาพด้านวัตถุดิบในการป้อนสู่กระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ขั้นพื้นฐาน เช่น ชาสมุนไพรกระท่อมสูตรต่างๆ ในระยะกลางจะยกระดับการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีความซับซ้อน เช่น เครื่องดื่มชากระท่อมพร้อมดื่ม เครื่องดื่มชูกำลัง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง
ส่วนในระยะยาวจะมีอุตสาหกรรมต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำที่ครบถ้วน และเตรียมพร้อมที่จะขยายธุรกิจไปในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม และขยายต่อไปยังทุกภูมิภาคทั่วโลกที่มีศักยภาพในการทำธุรกิจ เป้าหมายของเราคือ ความเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจพืชกระท่อมครบวงจรของโลก