สยามพิวรรธน์ เปิดกลยุทธ์ดิจิทัล ปฎิวัติค้าปลีกเมืองไทย

15 พ.ย. 2564 | 06:52 น.
อัปเดตล่าสุด :15 พ.ย. 2564 | 13:53 น.

สยามพิวรรธน์ ปฎิวัติค้าปลีกเมืองไทย เปิดกลยุทธ์ดิจิทัล “โลกคู่ขนาน” เชื่อมออฟไลน์ – ออนไลน์ สร้างประสบการณ์ใหม่นักช้อป

หลังประกาศจุดยืนผู้นำแห่งวิสัยทัศน์ “The Visionary Icon”  สร้างปรากฏการณ์เขย่าวงการรีเทล ด้วยการเปิดกลยุทธ์ด้านดิจิทัลเตรียมรุกไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 พร้อมดึงพันธมิตรชั้นนำระดับโลก ร่วมพัฒนานวัตกรรมเชื่อมประสบการณ์จากโลกออฟไลน์สู่แพลตฟอร์มออนไลน์สร้าง Ecosystem  ที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คน และเชื่อมธุรกิจ ล่าสุด "สยามพิวรรธน์" เดินหน้าวิสัยทัศน์ดังกล่าว ด้วยการเปิดกลยุทธ์ดิจิทัล โลกคู่ขนาน ที่สัมผัสได้จริง

 

นายอริยะ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้ก่อตั้งบริษัท Transformational และทำหน้าที่ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายนวัตกรรม บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด  เจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้า สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ ไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ เปิดเผยว่า  สยามพิวรรธน์จะเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกในประเทศไทยและไม่กี่รายในโลกที่ลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์ม เพื่อรองรับคู่ค้าและลูกค้า โดยบริษัทต้องการออกแบบประสบการณ์ที่เป็นมากกว่าแค่การจับจ่ายออนไลน์ที่ขับเคลื่อนด้วยส่วนลด 

อริยะ พนมยงค์

การเนรมิตประสบการณ์ที่แปลกใหม่และไม่เหมือนใคร เพื่อสอดรับความต้องการของลูกค้าคนสำคัญรวมทั้งลูกค้าที่มีกำลังใช้จ่ายสูงและกำลังมองหาประสบการณ์ที่ตรงใจพร้อมกับการตอบรับความต้องการของคู่ค้าให้ดียิ่งขึ้น แพลตฟอร์มใหม่ที่เน้นคอนเทนต์รายวัน พร้อมเปิดโลกไปกับเทรนด์ใหม่ แบรนด์ใหม่ ผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงกิจกรรมใหม่ตลอดทั้งปี และสิทธิประโยชน์ ประสบการณ์เฉพาะเพื่อลูกค้าแต่ละราย

 

โควิด-19 ผนวกกับความสะดวกสบายในการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ ผลักดันให้กระแสอีคอมเมิร์ซทะยานถึงขีดสุด เมื่อต่างใช้ชีวิตอยู่ในโลกทั้งสองใบนี้ไปพร้อมๆ กัน จึงเรียกได้ว่า การเชื่อมช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ที่เป็นดั่ง “โลกคู่ขนาน” ได้หยั่งรากลึกลงในกลยุทธ์และแนวคิดของสยามพิวรรธน์ในทุกวันนี้”

ศูนย์การค้า สยามพิวรรธน์

แพลตฟอร์มใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวภายใต้กลยุทธ์โลกคู่ขนาน มี 4 องค์ประกอบ ดังนี้

 

1. ผนึกร้านค้า คู่ค้า พันธมิตรและแบรนด์ที่หลากหลาย : คือ ดีเอ็นเอและหัวใจความสำเร็จที่สามารถดึงดูดลูกค้าที่มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยและสร้างความแตกต่างให้กับสยามพิวรรธน์  นับตั้งแต่การเปิดตัว Ultimate Chat & Shop เมื่อเดือนเม.ย 2564 พบว่าลูกค้ามียอดใช้จ่ายออนไลน์สูงกว่ายอดซื้อปกติในประเทศไทยโดยเฉลี่ยถึง 9-10 เท่า โดยในอนาคตอันใกล้ สยามพิวรรธน์มีแผนจะดึงแบรนด์และคู่ค้าระดับพรีเมียมและลักชัวรีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว

 

2. ชูธงสร้างคอมมูนิตี้ที่คัดสรรความพิเศษมาให้โดยเฉพาะ : สยามพิวรรธน์จะสร้างปรากฏการณ์ครั้งแรกอีกครั้ง ผ่านการนำเสนอคอนเทนต์มากกว่า 3,000 คอนเทนต์ในแต่ละเดือน ในคอมมูนิตี้ออนไลน์แพลตฟอร์มที่สร้างบนความสนใจของลูกค้าให้ได้รู้ก่อนใคร ผสานการสร้างสัมพันธ์กับลูกค้าแบบบูรณาการ (Loyalty Program)  เชื่อมออฟไลน์ – ออนไลน์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด

 

สยามพิวรรธน์เชื่อในการสร้างคอนเทนต์ สร้างความผูกพันกับลูกค้าเพื่อให้มาจับจ่ายกับแบรนด์ต่าง ๆ ในศูนย์การค้าของสยามพิวรรธน์ ไม่ใช่เพราะส่วนลด แต่เป็นเพราะแบรนด์เหล่านี้เป็นแบรนด์โปรด หรือแบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจ เช่น ลูกค้าต้องการอะไร เทรนด์  มิกซ์แอนด์แมตช์ หรือการดูแลตัวเองอย่างไร ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เกี่ยวโยงและขึ้นอยู่กับคอมมูนิตี้เป็นสำคัญ 

 

3. เชื่อมประสบการณ์โลกคู่ขนาน : ลูกค้าที่มีกำลังย่อมมองหาประสบการณ์ที่ถูกคัดสรรมาแล้วอย่างพิถีพิถัน ดังนั้น การเข้าไปอยู่ในใจลูกค้ากลุ่มนี้จึงไม่ใช่การมีสินค้านับหมื่นรายการ แต่ต้องมีสินค้าที่พวกเขาต้องการ ซึ่งอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ นั่นคือต้องอาศัยศิลปะในการสื่อสารและนำเสนอสินค้าที่กลุ่มเป้าหมายสนใจ และอาศัยนวัตกรรมเทคโนโลยี เพื่อนำเสนอคอนเทนต์และสินค้าเฉพาะบุคคล

 

แพลตฟอร์มที่กำลังจะเปิดตัวนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ลูกค้าค้นพบแบรนด์ สินค้า และประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเชื่อมต่อโลกออฟไลน์สู่โลกออนไลน์ไว้ในมือคุณ ทำให้ทุกคนได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่แตกต่างและเงินซื้อไม่ได้ ได้ทุกที่ทุกเวลา โดยสยามพิวรรธน์มีแผนเตรียมขยายศักยภาพของการเชื่อมโลกจริงและโลกเสมือนจริงด้วย Metaverse ในอนาคต

กลยุทธ์ดิจิทัล “โลกคู่ขนาน” เชื่อมออฟไลน์ – ออนไลน์

4. นำเสนอระบบรีวอร์ดที่ไร้ขีดจำกัด : สยามพิวรรธน์ยกระดับ Loyalty Program พร้อมเริ่มใช้ VIZ Coins เพื่อยกระดับประสบการณ์การเลือกซื้อสินค้า ณ ร้านค้าที่เข้าร่วมรายการภายในศูนย์การค้า บนช่องทางออนไลน์ และเป็นทางเลือกให้ลูกค้าเปลี่ยนคะแนนในบัตรเครดิต เพื่อเพลิดเพลินไปกับสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม

 

แพลตฟอร์มใหม่นี้พัฒนาจากความร่วมมือกับพันธมิตรกลุ่มต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

 

  • พัฒนาร่วมกับคู่ค้า เพื่อสร้างประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ตรงกับจุดยืนของแบรนด์

 

  • พัฒนาร่วมกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยี เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของแพลตฟอร์ม ข้อมูล และโปรแกรมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า

 

  • พัฒนาร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังต่าง ๆ เพื่อสร้างคอนเทนต์สำหรับแต่ละคอมมูนิตี้

 

ด้านนายอักเซล วินเทอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดิจิทัล บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวเสริมว่า เป้าหมายหลักของสยามพิวรรธน์คือการเป็น ผู้นำตลาดในการบุกเบิกโมเดลธุรกิจใหม่ สร้าง “ระบบนิเวศดิจิทัล” เพื่อขยายตลาดให้เข้าถึงลูกค้าใหม่ที่มีความหลากหลาย เร่งการเติบโตแบบก้าวกระโดด และครองความเป็นหนึ่งในใจลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ 

 

สยามพิวรรธน์ ได้ผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลก ซึ่งล่าสุดได้จับมือ ZIPMEX ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล เปิดให้ลูกค้าสามารถใช้ ZIPMEX Token เป็นเครื่องมือในการแลกเป็นสินค้าหรือบริการที่จับต้องและสัมผัสได้จริง พร้อมเดินหน้าสร้างโปรแกรมเชื่อมสัมพันธ์กับลูกค้า ผ่านการมอบประสบการณ์ที่เสริมคุณค่าและอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิต

อักเซล วินเทอร์

รวมทั้งได้ร่วมมือกับ KX ในการเปิดตัว Coral แพลตฟอร์ม NFT Marketplace ที่จะร่วมกันสร้างนวัตกรรมที่ก่อให้เกิดการพัฒนาต่อยอด ทั้งในด้านศิลปะ วัฒนธรรม ไลฟ์สไตล์ และสร้างสุดยอดประสบการณ์ให้กับลูกค้าทั้งคนไทยและต่างประเทศ โดยใช้พื้นที่ของสยามพารากอน และไอคอนสยาม ในการจัดทำ NFT Innovation Digital Wall ให้ผู้ที่มาเยือนศูนย์การค้าได้เข้าชม NFT Art ได้อย่างใกล้ชิด

 

นอกจากนั้น สยามพิวรรธน์ ยังได้จับมือกับ Perx Technologies ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ เพื่อร่วมกันพัฒนาสร้างสรรค์ประสบการณ์แปลกใหม่บนโลกดิจิทัลที่จะขยายฐานลูกค้าของกลุ่มสยามพิวรรธน์ ซึ่งปัจจุบันเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศให้กว้างไกลยิ่งขึ้นทั่วโลก ผ่านกลุ่มพันธมิตรร้านค้าและคู่ค้า (Global Partners)

 

ขณะเดียวกันกลุ่มลูกค้าจะได้รับประโยชน์เต็มอิ่ม กับสิทธิประโยชน์เหนือระดับภายใต้ Loyalty Program ที่ Personalized เป็นเสมือนเพื่อนที่รู้ใจ พร้อมเสริมความสนุกเร้าใจกับการจับจ่ายใช้สอยผ่านเกมมิฟิเคชัน (Gamification) ที่จะทำให้ทุกคนได้โลดแล่นไปกับประสบการณ์ที่แตกต่างและเงินซื้อไม่ได้ เรายังเตรียมประกาศเปิดตัวพันธมิตรใหม่ พร้อมทัพคนดิจิทัลที่จะมาร่วมสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง และน่าตื่นตาตื่นใจให้กับลูกค้าอย่างแน่นอน

 

“การขับเคลื่อนธุรกิจในยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ปัจจัยสำคัญ คือการสร้างทัพทีมงานที่แข็งแกร่ง พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง และเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา”

 

วันนี้มีผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญระดับโลกหลายบริษัท ที่มาช่วยสยามพิวรรธน์ขับเคลื่อนแผนงานดิจิทัล และนวัตกรรม สยามพิวรรธน์ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนและเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้นำทีมในช่วงเปลี่ยนผ่านของธุรกิจ ได้แสดงศักยภาพ และท้าทายความสามารถของตนเองในแบบที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ  ผ่านการทำงานในรูปแบบโครงการธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ ที่ผู้ร่วมงานสามารถบริหารจัดการได้อย่างคล่องตัว และตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว (Self-Directed Team)

 

พร้อมทั้งได้เรียนรู้และลงมือทำงานที่แปลกใหม่ในทุก ๆ วัน ได้ใกล้ชิดกับพันธมิตรองค์กรใหญ่  แบรนด์ดังระดับโลก และผู้เชี่ยวชาญจากทุกสาขา เพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่ และมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้าจากทั่วทุกมุมโลก การได้เข้าร่วมงานกับสยามพิวรรธน์จะเป็นเวทีให้คนรุ่นใหม่ที่อยากเติบโตแบบก้าวกระโดด ได้ทำในสิ่งที่พิเศษแบบครั้งหนึ่งในชีวิต และร่วมสร้างผลงานที่จะเป็น Talk of the world  พร้อมเปิดรับประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างไปจากที่อื่น” 

 

ในช่วงเวลาคาบเกี่ยวของโลกที่ผู้คนกำลังปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ สยามพิวรรธน์เชื่อมั่นว่าคุณค่าและประสบการณ์บนโลกออฟไลน์ยังคงเป็นสิ่งที่ทุกคนมองหาและขาดไม่ได้ การนำเสนอนวัตกรรมใหม่ในรูปแบบ สยามพิวรรธน์ จึงเป็นการเชื่อมโลกออฟไลน์สู่ออนไลน์อย่างไร้รอยต่อ และตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนอย่างครบวงจร

 

ทั้งในเรื่องความสะดวกสบายและการสร้างคุณค่า ซึ่งจะช่วยเติมเต็มชีวิตยุคใหม่แห่งโลกอนาคตได้อย่างแท้จริง  เตรียมพบกับการเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ต้นเดือนธันวาคมนี้ ที่ชูธงด้านการสร้างคอมมูนิตี้ผสานการสร้างสัมพันธ์กับลูกค้าแบบบูรณาการ (Loyalty Program)  ด้านโซเชียลและอีคอมเมิร์ซ (Social and E-Commerce) และต่อยอดสู่ฟินเทคในอนาคต