ซีพีเอฟ เสิร์ฟเมนู “Meat Zero” ตีตลาดแพลนต์เบสสิงคโปร์-ฮ่องกง

20 พ.ย. 2564 | 06:27 น.
อัปเดตล่าสุด :20 พ.ย. 2564 | 13:28 น.

ซีพีเอฟ เดินหน้ารุกส่ง "Meat Zero" บุกตลาดแพลนต์เบสต่างแดน นำร่องเสิร์ฟชาวสิงคโปร์-ฮ่องกง ตั้งเป้าขึ้นเบอร์ 1 ตลาดเนื้อทางเลือกเอเชียใน 3 ปี

กระแสความนิยมผลิตภัณฑ์แพลนต์เบส หรือนวัตกรรมเนื้อจากพืช (Plant-based Meat) กลายเป็นเทรนด์ทั่วโลก โดยพบว่า ผู้บริโภคกลุ่มวีแกนและกลุ่มมังสวิรัติยืดหยุ่น (Flexitarian) มีสัดส่วนคิดเป็น 29% ของประชากรโลก และมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากในแต่ละปี โดยเฉพาะตลาดในเอเชีย เช่น ฮ่องกง ที่มีผู้บริโภคกลุ่มนี้อยู่ถึง  40%  ทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากเดินหน้าพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ รวมถึงกลุ่มซีพี

แพลนต์เบส Meat Zero

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟ ผู้นำด้านนวัตกรรมอาหารระดับโลก จึงได้ค้นคว้าวิจัย MEAT ZERO ร่วมกับสถาบันศึกษาและศูนย์วิจัยชั้นนำจากทั้ง ในไทย อเมริกา ญี่ปุ่น และไต้หวัน เป็นเวลามากกว่า 3 ปี จนประสบความสำเร็จได้เป็นนวัตกรรม PLANT-TEC ซึ่งเป็นเทคนิคการผลิตอาหารจากพืชที่สร้างรสสัมผัสเสมือนเนื้อสัตว์จริง พร้อมต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อาหารหลากหลายรูปแบบในราคาที่ผู้บริโภคทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้

 

โดยผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืช “MEAT ZERO” เปิดตัวในประเทศไทยเป็นครั้งแรก เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค จนกลายเป็นแบรนด์ Plant- based อันดับหนึ่งของไทยในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยยอดขายกว่า 4 ล้านแพ็ค นับตั้งแต่เปิดตัว และล่าสุด เพิ่งคว้ารับรางวัลชนะเลิศ BEST PLANT-BASED BRANDING จาก Root The Future Plant-Based Food Awards 2021 จากผลคะแนนโหวตของผู้บริโภค

แพลนต์เบส Meat Zero

ล่าสุดในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซีพีเอฟ ได้นำผลิตภัณฑ์ยอดนิยม แบรนด์ MEAT ZERO  ทั้ง โบโลน่าจากพืช ข้าวกระเพราเนื้อจากพืช สปาเก็ตตี้เนื้อสับ วางจำหน่ายให้กับผู้บริโภคสิงคโปร์ ผ่านร้านค้า และช่องทางออนไลน์ เช่น Cold Storage NTUC FairPrice FairPrice Online RedMart Amazon Caltex SPC และ Sinopac Petrol Kiosks

 

รวมถึงชาวฮ่องกง โดยผลิตภัณฑ์ MEAT ZERO วางจำหน่ายแล้วที่ร้าน WELLCOME Stores AEON Stores (Hong Kong) YATA Department Store ABOUTHAI Stores FRESH Stores PANDAMART และ HKTVMALL 

แพลนต์เบส Meat Zero

“การเปิดตลาดเอเชียในครั้งนี้ เป็นเพียงก้าวแรกของ MEAT ZERO ก่อนที่จะขยายไปสู่ตลาดยุโรป อเมริกา และภูมิภาคอื่นๆ ตามเป้าหมายการเป็นแบรนด์เนื้อทางเลือกอันดับ 1 ของเอเชีย ภายในอีก 3 ปีข้างหน้านี้ พร้อมก้าวสู่การเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีอาหารแห่งอนาคต หรือ Food Tech Company อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่มทั่วโลก”