ศบค.เคลียร์ชัดนักท่องเที่ยวTest&Go ที่ได้รับอนุมัติแล้วยังเข้าไทยได้

08 ม.ค. 2565 | 09:46 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ม.ค. 2565 | 16:58 น.

นักท่องเที่ยวTest&Goที่ได้รับอนุมัติเข้าไทยอีกร่วม1หมื่นคนโล่งใจ โฆษกรัฐบาล เผย ศบค. ยังคงให้ผู้ที่จะเดินทางเข้าไทยในรูปแบบ Test and Go ที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วยังสามารถเดินทางเข้ามาได้ตามมาตรการที่กำหนด ตามวันเวลาที่ขออนุมัติ จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

จากกรณีที่มีการเผยแพร่เอกสารของศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศบค.)เมื่อวันก่อนที่ระบุถึงการระงับการเดินทางเข้าไทยของนักท่องเที่ยวแบบ Test & Go ที่ได้รับอนุมัติไปแล้วให้ต้องเดินทางเข้าไทย ภายในวันที่ 15 มกราคม 2565 ซึ่งยังรอการเดินทางเข้าไทยอีกร่วม1หมื่นคนนั้น

 

เอกสารดังกล่าวเป็นข้อเสนอในการประชุมเท่านั้น แต่บทสรุปในที่ประชุมศบค.เมื่อวันที่7ม.ค.2565 คือผู้เดินทางเข้าไทยที่ได้รับอนุมัติ Test&Go แล้ว (รายเดิม) จะมีการประเมินสถานการณ์ และพิจารณาการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรอีกครั้ง โดยจะแจ้งรายละเอียดต่อไป ดังนั้นคนที่ได้รับอนุมัติไปก่อนหน้านี้จึงยังเดินทางเข้าไทยได้ตามปกติ

ทั้งวันนี้(วันที่ 8 ม.ค. 65) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบข้อห่วงใยการเดินทางเข้า-ออก ประเทศในรูปแบบ Test to Go มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่ได้ลงทะเบียนรวมทั้งที่ได้รับการอนุมัติแล้วประมาณ 2 แสนราย บางส่วนได้เดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว ส่วนที่เหลือจะทยอยเดินทางเข้าประเทศไทยหลังจากนี้ ซึ่งมีจำนวนไม่มากนัก จึงเห็นควรตามมติ ศบค. เมื่อวันที่ 7 มกราคม ที่ผ่านมา ให้ผู้ที่จะเดินทางเข้าไทยในรูปแบบ Test and Go ที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วยังสามารถเดินทางเข้ามาได้ตามมาตรการที่กำหนด และตามวันเวลาที่ขออนุมัติ จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง 

 

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กำชับทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อ ปัจจัยเสี่ยง พฤติกรรม/สถานที่เสี่ยงต่าง ๆ เพื่อนำมาปรับมาตรการให้สอดคล้องกับพัฒนาการของการแพร่ระบาดในประเทศและทั่วโลกด้วย

 

ในการนี้ศบค. มีมติเพื่อยกระดับสถานการณ์ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด 19 ดังนี้

 

1. การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค.65

 

  • พื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวยังคงเดิม ได้แก่ พื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวทั้งจังหวัดจำนวน 8 จังหวัด และเป็นพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวบางพื้นที่ 18 พื้นที่/จังหวัด ซึ่งใช้มาตรการเดียวกับพื้นที่เฝ้าระวัง

 

  • ส่วนที่เหลือ ปรับเป็นพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) รวม 69 จังหวัด ได้แก่ พื้นที่ทั้งจังหวัดจำนวน 51 จังหวัด และบางพื้นที่จำนวน 18 พื้นที่/จังหวัด โดยใช้มาตรการพื้นที่ควบคุม (สีส้ม)

 

2. เพิ่มมาตรการป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว สำหรับบริโภคสุราในร้านอาหาร

 

  •  ร้านอาหารปิดตามเวลาที่กำหนด และจำกัดเวลาบริโภคสุรา ไม่เกิน 21.00 น.

 

  • จำกัดประเภทร้านอาหารที่บริโภคสุราได้ ต้องผ่าน SHA Plus หรือ Thai Stop COVID 2 Plus เท่านั้น

 

3.ขยายเวลา Work From Home ออกไปถึงวันที่ 31 ม.ค. 65 ทั้งนี้ ต้องไม่กระทบต่อบริการประชาชน และการดำเนินงานขององค์กร

 

4. สถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ เต็มรูปแบบ ยังคงงดการเปิดให้บริการ แต่สามารถขอเปิดดำเนินการในรูปแบบร้านอาหารได้ โดยให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. ตรวจประเมิน และพิจารณาอนุญาตก่อนการเปิดกิจการ และจัดระบบกำกับติดตามอย่างเคร่งครัด

 

5.ยกระดับมาตรการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
 

  • ระงับการลงทะเบียนประเภท Test and Go ออกไปก่อน โดยจะมีการประเมินและพิจารณาอีกครั้ง

 

  • ผู้ที่จะเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในรูปแบบ Test and Go ที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วยังสามารถเดินทางเข้ามาได้ตามมาตรการที่กำหนด และตามวันเวลาที่ขออนุมัติไว้ จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้จะมีการประเมินสถานการณ์เป็นระยะ

 

  • เปิดพื้นที่ Sandbox ที่อนุญาตให้ผู้ที่ต้องการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เพิ่มเติมจาก จ.ภูเก็ต ได้แก่ จ.สุราษฎร์ธานี (เฉพาะ เกาะสมุย เกาะเต่า เกาะพงัน) จ.กระบี่ และ จ.พังงา ทั้งจังหวัด

 

6. การยกระดับความพร้อมของหน่วยงานเพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด ดังนี้

 

  • การตรวจกิจการกิจกรรมที่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะ การลักลอบทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยง ร้านอาหารที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ และการควบคุมผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร

 

  • ยกระดับการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดและการรักษาพยาบาล ตั้งแต่ระบบการรับแจ้งเหตุ (Call Center) การคัดกรอง/คัดแยกผู้ป่วย และการรักษาตามระดับความรุนแรงของอาการ

 

  • การเตรียมความพร้อม รพ.หลัก รพ.สนาม CI HI Hospitel และ Hotel Isolation และการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย

 

  • ยกระดับการเตรียมความพร้อมของศูนย์บริหารสถานการณ์ (EOC) ระดับพื้นที่ (กทม./จังหวัด) เพื่อให้ตอบสนองการแก้ไขปัญหาในทุกมิติได้อย่างรวดเร็ว

 

  • เร่งกระจายวัคซีนให้ทั่วถึงอย่างรวดเร็ว

 

นายธนกรกล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยเองดำเนินมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มข้น ภายใต้ V-U-C-A รณรงค์การฉีดวัคซีนและวัคซีนเข็มกระตุ้น เน้นประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันแบบครอบจักรวาล Universal Prevention สถานประกอบการ สถานที่ท่องเที่ยว ยึดการดำเนินการ Covid Free Setting รวมถึงการคัดกรองตนเองด้วย ATK อย่างสม่ำเสมอ ขอให้ประชาชนมั่นใจรัฐบาลและ ศบค. ติดตามประเมินสถานการณ์ในทุกระยะ ต่อไป