จากข้อมูลของ International Society of Aesthetic Plastic Surgeons ระบุว่า ในปี 2562 การศัลยกรรมตกแต่งทั่วโลก เพิ่มขึ้นกว่า 7.4% โดยกลุ่มหลักได้แก่ผู้หญิงในวัย 35-50 ปี ขณะที่รูปแบบการศัลยกรรมที่นิยมทำมากที่สุดได้แก่ ศัลยกรรมหน้าอก ตามด้วยการดูดไขมัน ปรับแต่งรูปร่าง และศัลยกรรมตา ขณะที่การระบาดของ “โควิด-19” ส่งผลกระทบต่อธุรกิจศัลยกรรมทั่วโลกทำให้ในปี 2563 และปี 2564 มีการเติบโตลดลงต่อเนื่องเฉลี่ย 10% ต่อปี
ขณะที่ทิศทางของธุรกิจศัลยกรรมในเมืองไทยที่มีมูลค่าราว 4 หมื่นล้านบาทก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยมีการเติบโตลดลงในสัดส่วนเดียวกัน แต่การเดินหน้าผลักดันให้ไทยเป็นฮับศัลยกรรมของเอเชีย ยังเป็นเป้าหมายสำคัญ โดยมีตลาดเป้าหมายสำคัญทั้งออสเตรเลีย กัมพูชา สปป.ลาวและเมียนมาร์
นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งและผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด เปิดเผยว่า ตลาดศัลยกรรมถือเป็นหนึ่งอุตสาหกรรมแม่เหล็กที่สามารถกระตุ้นการใช้จ่ายของประชากรได้ดี เห็นได้ชัดจากการเปิดประเทศหลังสถานการณ์โควิด-19 เศรษฐกิจที่เคยชะลอตัว ประชาชนไม่กล้าใช้เงิน ชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยลดน้อยลง กลับฟื้นดีขึ้น
ภาพของตลาดศัลยกรรมความงาม มองเห็นยอดคนเข้ามาทำศัลยกรรมเพิ่มขึ้นจากทั้งคนไทยและต่างชาติ ซึ่งมีข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ยกให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านความงามอันดับ ที่ 3 ของเอเชีย สามารถสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการด้านความงามและศัลยกรรม เนื่องจากบริการเหล่านี้ในประเทศไทยมีชื่อเสียงและมีมาตรฐานที่ใกล้เคียงกับโรงพยาบาลในยุโรป สำหรับโรงพยาบาล คลินิก และสถานเสริมความงามต่างๆ มีอัตราเติบโตที่เพิ่มขึ้น เหตุผลสำคัญส่วนหนึ่งมาจากค่านิยมที่เปิดกว้างเรื่องการทำศัลยกรรมและความงาม เป็นที่ยอมรับมากขึ้นทั่วโลก
ในส่วนของศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด มีศัลยกรรมที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ศัลยกรรมดึงหน้า, ศัลยกรรมตา, ศัลยกรรมเสริมหน้าอก, เสริมจมูก และตัดหนังหน้าท้อง โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเทคนิคการทำศัลยกรรมให้ดีและตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ให้ตรงจุดมากที่สุด เพื่อเปลี่ยนมุมมองการทำศัลยกรรมให้เป็นเรื่องที่ไม่น่ากลัว พร้อมทั้งจะผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์ศัลยกรรมความงามระดับเอเชีย เพื่อการยอมรับในมาตรฐาน ด้วยเทคนิคการผ่าตัด ฝีมือแพทย์ และผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ
“โรงพยาบาลตั้งเป้าขยายฐานกลุ่มเป้าหมายชาวต่างชาติและกลุ่มคนไทยระดับ Hi- End เน้นคุณภาพเป็นหลัก เพื่อให้การทำศัลยกรรม เป็นสิ่งที่คุ้มค่าและสร้างความประทับใจอย่างสูงสุด ปลอดภัย ทำครั้งเดียวจบ ไม่ต้องทำเพิ่ม เพียงแค่การดูแลที่ดี เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ตลอดไปอย่างยาวนาน”
คาดว่าในปีนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้นโดยจะเติบโต 15-20% ซึ่งเทรนด์การทำศัลยกรรม จะยังเป็นเรื่องที่เปิดกว้าง และได้รับความสนใจ จากทั่วโลก ทุกเพศ ทุกวัย แม้กระทั่งในผู้สูงอายุก็เลือกทำศัลยกรรมได้ เพราะเทคนิคทางการแพทย์มีความปลอดภัยใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน
ขณะที่นายแพทย์สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCM ผู้นำธุรกิจผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคในการดูแลสุขภาพ รูปแบบเครือข่าย หรือ Multi-Level Marketing (MLM) กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในยุคปัจจุบันผู้คนให้ความสำคัญและมีความต้องการดูแลสุขภาพเพิ่มมากขึ้น โดยพบว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาคือ การทำศัลยกรรมความงาม เพื่อเสริมสร้างบุคลิกภาพให้ดูสวยหล่อขึ้น ทั้งการทำศัลยกรรมในประเทศ หรือเดินทางไปทำศัลยกรรมในต่างประเทศเปิดกว้าง กล้าเปิดเผยตัวตนมากขึ้น
ทำให้ธุรกิจศัลยกรรมความงามเติบโตอย่างรวดเร็วเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกระดับ ตั้งแต่ระดับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยที่ต้องการความสวยความหล่อมากขึ้น จากการทำตาสองชั้น การเสริมจมูก ไปจนถึงผู้สูงอายุ ที่ต้องการแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของใบหน้าให้แลดูอ่อนเยาว์ลง ด้วยการผ่าตัดดึงหน้าให้กระชับขึ้น
นายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCM กล่าวว่า บริษัทมองเห็นถึงโอกาสในการต่อยอดธุรกิจเพื่อขยายเข้าสู่ธุรกิจศัลยกรรมความงาม จึงลงนามความร่วมมือ (MOU) กับสถาบันศัลยกรรมตกแต่งธีรพรคลินิก ภายใต้แนวคิด “Be Successful with Your Confidence ก้าวสู่ความสำเร็จอย่างมั่นใจ” โดยนำจุดแข็งของซัคเซสมอร์ ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ ที่มีเครือข่ายสมาชิกมากกว่า 2.5 แสนคน จาก 7 ประเทศใน AEC ผนึกรวมกับจุดแข็งของธีรพรคลินิกคือ สถาบันศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าชื่อดังของประเทศไทย ที่มีเทคนิคในการผ่าตัดศัลยกรรมใบหน้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะและโดดเด่นไม่เหมือนใคร
โดยขอบเขตความร่วมมือจะเป็นการแนะนำเรื่องของการทำศัลยกรรมความงามชนิดต่างๆ โดยทีมอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะใบหน้าของธีรพรคลินิก ผ่านนักธุรกิจของ SCM ที่มีความสามารถและความเข้าใจในการแนะนำสินค้า และบริการ ผ่านโปรแกรมอบรมที่ชื่อว่า SCM Beauty Consult ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด
พร้อมประสานส่งต่อลูกค้าให้เข้ารับบริการกับธีรพรคลินิกด้วยความสะดวก รวมถึงบริการให้คำแนะนำการเตรียมตัวก่อนและหลังการผ่าตัด โดยคาดหวังว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นการผนึกกำลังร่วมกันทั้งการดูแลสุขภาพ และการทำศัลยกรรมความสวยงาม เป็นการเพิ่มฐานสมาชิกของ SCM เพิ่มการรับรู้ และรู้จักธีรพรคลินิกในมุมกว้าง จนเกิดการแนะนำต่อๆ กันไป
“ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการสร้าง Ecosystem อย่างครบวงจรให้กับนักธุรกิจซัคเซสมอร์ทั้งการเสริมบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้น การสร้างรายได้ และการยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น พร้อมเพิ่มฐานสมาชิกของบริษัทให้มากขึ้นทั้งในไทยและประเทศเพื่อนบ้านในแถบ AEC รวมไปถึงสมาชิกข้ามทวีปที่อยู่ในฝั่งอเมริกา และยุโรป ทั้งคนไทยในต่างแดน และคนต่างประเทศเองที่ต้องการปรึกษาด้านศัลยกรรมความงาม และวางแผนเดินทางมาประเทศไทยเพื่อทำการผ่าตัดในอนาคตอันใกล้นี้”
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,753 วันที่ 30 มกราคม - 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565