เฟซบุ๊กของสายการบิน ซาอุเดียแอร์ไลน์ ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย เผยแพร่ข้อมูลว่า จะเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ที่เดินทางตรงจากซาอุดีอาระเบียมายังกรุงเทพจะเร็วขึ้นจากเดิม โดยประเดิมเที่ยวแรกในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งเป็นให้จองตั๋วเครื่องบินแล้วในราคาเริ่มต้น1499 SAR (ริยัลซาอุดีอาระเบีย) จากเดิมที่เคยประกาศไว้ว่า จะเริ่มทำการบินตรงมายังกรุงเทพในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยระบุว่า
Bangkok is closer than ever
Our first direct flight will take to the skies on February 28th with prices starting from 1499 SAR only
ทั้งนี้ "กรุงเทพฯ" เป็น 1 ใน 10 จุดหมายปลายทางใหม่ของสายการบินซาอุเดีย ในเครือข่ายการเดินทาง ปี2565
การดำเนินการดังกล่าวเป็นผลจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินจากผลกระทบของการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
นอกจาก กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีนแล้ว สายการบินฯ จะเพิ่มเที่ยวบินตรงไปยัง "กรุงเทพฯ" บาร์เซโลนา มาลากา มาร์ราเกช มอสโก โซล เอนเทบเบ อัมสเตอร์ดัม และ ชิคาโก
เช่นเดียวกับการบินไทยก็มีแผนจะเปิดบินไปยังซาอุดีอาระเบียเช่นกัน โดยนายนนท์ กลินทะ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ยื่นขอสิทธิการบินและขอตารางการทำการบิน สำหรับเส้นทางกรุงเทพ-ซาอุดีอาระเบีย ไปยังสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.)แล้ว ตั้งเป้าจะเริ่มทำการบินตั้งแต่เดือน พ.ค.2565 เป็นต้นไป
ส่วนความถี่ และวัน เวลาในการบินนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างวิเคราะห์แนวโน้มปริมาณผู้โดยสารขาเข้า ความต้องการขนส่งขนส่งสินค้าใต้ท้องเครื่องบิน(คาร์โก้ ) รวมทั้งวางแผนบริหารจัดการการเชื่อมต่อเที่ยวบินภายในประเทศ เพื่อกำหนดวันและเวลาการทำการบินที่เหมาะสมต่อไป รวมทั้งอยู่ระหว่างการจัดทำแผนการเปิดบินเส้นทางใหม่ ในระยะ 5 ปี เพื่อนำเสนอ ให้ กพท. พิจารณาในภาพรวมด้วย
ด้านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า หลังจากประเทศไทยได้ฟื้นความสัมพันธ์กับประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือร่วมกับซาอุฯ นำร่องไปแล้ว ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะนำคณะหอการค้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และภาคเอกชนไปซาอุฯ ในวันที่ 26-27 กุมภาพันธ์นี้
โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้วางแผนในการนำผู้ประกอบการภาคเอกชนท่องเที่ยวไทยไปโรดโชว์ที่ซาอุฯ ช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการท่องเที่ยวไทย โดยตั้งเป้าในปี 2565 ในกาดึงนักท่องเที่ยวชาวซาอุดีอาระเบียมาไทยให้ได้ 2 แสนคน สร้างรายได้ประมาณ 20,000 ล้านบาท หลังจากไทยเสียโอกาสในตลาดนี้ไปแล้วกว่า 30 ปี ที่ผ่านมา
“การประชุมหารือกันทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวฯ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และภาคเอกชน เพื่อทำความเข้าใจ รวมถึงให้เอกชนเตรียมความพร้อมในธุรกิจของตัวเอง เพื่อนำเสนอในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะนำคณะเข้าไปจัดทำบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ระหว่างกัน ในการทำตลาดท่องเที่ยวแบบ 2 ทาง คือ ชาวซาอุฯ สามารถมาเที่ยวไทยได้ และคนไทยสามารถไปเที่ยวซาอุฯ ได้เช่นกัน
อาทิ จะส่งเสริมให้ผู้แสวงบุญชาวไทย เดินทางท่องเที่ยวได้หลังประกอบพิธีแสวงบุญ ทั้งพิธีฮัจญ์ และอุมเราะห์ รวมทั้งขยายเวลาการพำนักในซาอุฯให้แก่คนไทยที่ได้วีซ่าแสวงบุญ ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้จัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่าง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทยกับกระทรวงท่องเที่ยวของซาอุฯ ซึ่งตอนนี้ได้ส่งร่างไปให้ซาอุฯ ตรวจสอบแล้ว” นายพิพัฒน์ กล่าว
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า จะเสนอให้กระทรวงการต่างประเทศ ช่วยหารือนโยบายการขอวีซ่าของ 2 ประเทศ เพื่อช่วยให้การเดินทางระหว่างกันมีความสะดวกมากขึ้น เนื่องจากตั้งเป้าดึงเข้ามา 2 แสนคนในปี 2565 แต่หากทำการบ้านได้ดี อาจมีเข้ามามากกว่านี้ในอนาคต ซึ่งมองไว้ที่ 5 แสนคนต่อปี โดยหลังจากเทศกาลถือศีลอด (รอมฎอน) จบลงประมาณ 1 เดือน ถือเป็นช่วงที่ชาวตะวันออกกลางออกเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นเดือนพฤษภาคมนี้ เราต้องพยายามทำให้ตลาดเหล่านี้เดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยให้ได้ จึงต้องเตรียมความพร้อมไว้ทุกด้าน ทั้งสายการบิน โรงแรม และบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยช่วงที่ผ่านมา แม้ความสัมพันธ์ยังไม่ได้เปิดแบบเป็นทางการ แต่ก็เห็นชาวซาอุฯ เข้ามาเที่ยวไทยประมาณ 2 หมื่นคนต่อปี เป็นกลุ่มที่นิยมเข้ามาตรวจสุขภาพในไทย จึงจะหาทางเจรจากับรัฐบาลซาอุฯ ให้ส่งข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐเข้าโปรแกรมตรวจสุขภาพในไทย รวมทั้งเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มครอบครัวมาเที่ยวไทยด้วย