ในการประชุมศบค.ชุดใหญ่ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานศูนย์อำนวยการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ในวันที่ 22 เมษายน 2565 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะเสนอให้ศบค.ชุดใหญ่ เพื่อขออนุมัติปลดล็อกข้อจำกัดต่างๆในการเดินทางเข้าไทย เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือของปีนี้
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ในวันที่ 22 เมษายน 2565 กระทรวงท่องเที่ยวฯ จะเสนอให้ ศบค.ชุดใหญ่พิจารณายกเลิกระบบ Test & Go รวมถึงการลงทะเบียนเข้าไทยผ่านระบบ Thailand Pass เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดในการเดินเข้าประเทศไทย โดยจะขอให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป
“วันนี้น่าจะถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยควรจะยกเลิกมาตรการดังกล่าว เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถสู้กับประเทศเพื่อนบ้านได้ เพราะปัจจุบันประเทศต่างๆซึ่งเป็นคู่แข่งของเราหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ หรือแม้แต่เกาหลีใต้ ต่างก็ยกเลิกข้อจำกัดในการเดินทางเข้าประเทศกันเกือบหมดแล้ว ถ้าไทยยังอยากจะเป็นผู้นำในด้านการท่องเที่ยวต่อไป”
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 แม้ไทยจะผ่อนคลายมาตรการเข้าไทย โดยยกเลิกผลตรวจ RT-PCR ก่อนเข้าไทยไปแล้ว แต่ก็ยังต้องตรวจ RT-PCR เมื่อมาถึงไทย และต้องลงทะเบียนเข้าไทยผ่านระบบ Thailand Pass ที่ต้องพักโรงแรมที่มีโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการ (SHA Extra Plus)+ตรวจ ATK วันที่ 5+ประกัน 2 หมื่นดอลล่าร์สหรัฐ หากเทียบกับหลายประเทศ ก็ถือว่ายังมีข้อกำหนดที่มีเงื่อนไขการเข้าประเทศมากกว่าประเทศอื่นๆ
ดังนั้นกระทรวงท่องเที่ยวฯจึงจะเสนอให้ศบค.ชุดใหญ่ปลดล็อกข้อจำกัดในการเดินทางเข้าไทย ไม่เช่นนั้น เราจะวิ่งตามประเทศเพื่อนบ้านไม่ทัน โดยการยกเลิกระบบ Test & Go และนักท่องเที่ยวไม่ต้องลงทะเบียนผ่าน Thailand Pass แต่จะขอให้ผู้เดินทางเข้าไทยต้องแสดงหลักฐานผลการตรวจโควิด-19 ในแบบ ATK จากประเทศต้นทางไม่เกิน 48 ชั่วโมงก่อนเดินทางเข้าไทย หรือ จะเดินทางเข้ามาตรวจ ATK เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย รวมทั้งจะต้องมีหลักฐานการได้รับวัคซีนป้องกันโควิดมาแล้วอย่างน้อย 2 เข็ม
รวมไปขอให้พิจารณาปรับลดวงเงินประกันเข้าไทย สำหรับการเดินทางเข้ามาทางอากาศ ขอให้ปรับลดลงวงเงินประกันเหลือ 1 หมื่นดอลล่าร์สหรัฐ จากปัจจุบัน 2 หมื่นดอลล่าร์สหรัฐ ส่วนการเดินทางเข้ามาทางบกจะขอให้ไม่ต้องมีประกัน เพื่อลดค่าใช้จ่าย กระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวเข้าไทยทางบก โดยมาตรการเหล่านี้ ผมได้หารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ซึ่งนายอนุทิน ไม่ได้ขัดข้อง และเห็นด้วยว่าหลังสงกรานต์เหมาะสมที่จะมีการปลดล็อกในเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามแม้กระทรวงท่องเที่ยว จะขอให้ยกเลิกมาตรการ Test & Go และ Thailand Pass แต่เพื่อความสบายใจและมั่นใจของคนไทย ก็ยังจะให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ และคนไทยที่เดินทางเข้าประเทศไทย ยังคงต้องตรวจATK แบบ professional ถ้าไม่ตรวจที่ต้นทางก่อนเดินทางมาก็ต้องตรวจเมื่อเดินทางมาถึงไทยอย่างน้อย 1 ครั้ง โดยในสนามบินนานาชาติที่เปิดรับการเดินทางจากต่างประเทศก็จะมีการจัดโซนให้ผู้เดินทางเข้าไทย ตรวจ ATK กันที่สนามบิน หากผลเป็นลบก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตามปกติ
ทั้งนี้ปัจจุบันมีสนามบินนานาชาติ 8 แห่ง มีเที่ยวบินจากต่างประเทศแล้ว ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ,สนามบินสมุย,สนามบินดอนเมือง, สนามบินเชียงใหม่,สนามบินอู่ตะเภา,สนามบินภูเก็ต ,สนามบินกระบี่ และสนามบินหาดใหญ่
ผมมั่นใจว่าหากศบค.ชุดใหญ่ปลดล็อกข้อจำกัดในการเดินทางเข้าไทยตามที่กระทรวงท่องเที่ยวฯเสนอ จะทำให้ในปีนี้คาดว่าไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 7-10 ล้านคน (ไม่รวมนักท่องเที่ยวจีน) เพราะแม้จะไม่มีตลาดจีน แต่ก็มีการเปิดตลาดอื่นทดแทน เช่น ตลาดตะวันออกกลาง อินเดีย เป็นต้น
สำหรับโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4” ที่ประชาชนจองใช้สิทธิ์จนเต็ม 2 ล้านสิทธิ์ไปแล้ว ก็คงจะไม่มีการดำเนินโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5” ต่อ เพราะไม่น่าจะมีงบประมาณมาสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวแล้ว แต่ผมจะให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ไปคิดโครงการอื่นๆเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มขึ้น
ด้านนายวิลเลี่ยม อี. ไฮเน็ค ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าผมขอเสนอให้นายกรัฐมนตรี ให้มีการยกเลิกระบบการขอหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย (Thailand Pass) มาตรการ Test & Go ข้อบังคับเรื่องการทำประกันสุขภาพ และการตรวจโควิดเมื่อเดินทางถึงประเทศไทยอย่างทันที เนื่องจากเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบโดสหรือใบรับรองแพทย์กรณีหายจากการติดเชื้อโควิด-19นั้นก็เพียงพอต่อการอนุญาตให้เข้าประเทศแล้ว
ผมอยากให้รัฐบาลเร่งเปิดประเทศแบบไม่มีเงื่อนไขในวันนี้ เหมือนหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น เกาหลีใต้ มัลดีฟส์ อินเดีย ดูไบ สิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย ที่ตอนนี้เขาเปิดทุกอย่าง แต่ไทยแม้จะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวก่อนประเทศเหล่านี้ แต่วันนี้การเปิดของไทยในแบบค่อยๆทยอยปลดล็อกข้อจำกัดเช่นนี้ จะทำให้เรากลายเป็นประเทศสุดท้าย
ถ้ารัฐบาลเปิดประเทศแบบไม่มีเงื่อนไขโดยเร็ว ก็เชื่อว่าการท่องเที่ยวของไทยจะกลับมาสู่ภาวะปกติภายใน 1 ปี แม้จะไม่มีนักท่องเที่ยวจากจีน แต่ก็ยังมีตลาดอื่น อย่างยุโรป อินเดีย อเมริกาใต้ หรือแม้แต่ซาอุดีอาระเบีย ที่ไม่ได้มีสัมพันธ์ทางการทูตกันมานานกว่า 32 ปี วันนี้เปิดแล้วโอกาสที่จะเดินทางกลับมาเที่ยวไทยก็มีสูง
ขณะที่นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า การที่รมต.ท่องเที่ยวจะเสนอศบค.ชุดใหญ่ให้ยกเลิก test and go ในวันที่ 1 พ.ค.นี้ ถือว่าเป็นช่าวดี เพราะจะทำให้มีปริมาณนักท่องเที่ยวมากขึ้นเพียงพอให้โรงแรมอยู่กันได้อย่างทั่วถึง เพราะจากวันที่ 1 พ.ย. 2564 จนถึงล่าสุด มีนักเดินทาง Test &Go เข้า กทม. 749,389 คน ติดเชื้อ 1,140 คน คิดเป็น 0.15%เท่านั้น