จ่อออกหมายจับ 4 ราย ปิดคดีไฟไหม้ ‘โซเนวา’เกาะกูด"

30 มิ.ย. 2565 | 10:54 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ก.ค. 2565 | 17:27 น.

ตำรวจแถลงปิดคดีไฟไหม้ ‘โซเนวา’ ห้องพักพูลวิลล่า 63 อาคารไม่ผ่านการตรวจความปลอดภัยจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ขาดการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า ประมาทจนทำให้เกิดไฟไหม้ จ่อออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องรวม 4 ราย

วันนี้ (วันที่ 30 มิถุนายน 2565) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ต.ปกรณ์ มณีปกรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดตราด แถลงข่าว ปิดคดีไฟไหม้โรงแรม โซเนวา คีรี รีสอร์ท อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2565 ซึ่งมีผู้เข้าพักจำนวน 14 คน ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 ราย เนื่องจากตกจากที่สูง และมีทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก มีมูลค่าสูงถึงประมาณ 34 ล้านบาท เช่น นาฬิกา ยี่ห้อริซาร์ตมิล , อัญมณี และอุปกรณ์ไอทีต่าง ๆ เป็นต้น

 

จ่อออกหมายจับ 4 ราย ปิดคดีไฟไหม้ ‘โซเนวา’เกาะกูด\"

 

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง  กล่าวว่า หลังจากสอบสวนและเร่งรัดการคดีให้สรุปได้โดยเร็ว เนื่องจากเป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงในระดับสากลและอาจมีผลกระทบกับการท่องเที่ยวโดยรวมของประเทศ ตำรวจภูธรจังหวัดตราด ได้มีคำสั่ง ตั้งคณะกรรมสอบสวนเพื่อดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนพบว่า บริษัท ทรอพพิคอล ไอแลนด์ จำกัด ประกอบธุรกิจโรงแรม ในชื่อ โรงแรมโซเนวา คีรี รีสอร์ท ที่เกิดเพลิงไหม้ ได้นำกลุ่มอาคารห้องพักพูลวิลล่า 63 ที่ไม่ผ่านการตรวจความปลอดภัยจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารและนำอาคารดังกล่าวใช้ประกอบกิจการโรงแรม โดยไม่แจ้งนายทะเบียน

 

ทั้งบริษัทฯยังขาดการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า จนเกิดเหตุเพลิงไหม้ และโรงแรมทราบดีอยู่แล้วว่าระบบแจ้งเตือนภัยไฟไหม้ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญในการยับยั้งตันเหตุเพลิงไหม้ใช้การไม่ได้ แต่กลับไม่ซ่อมแซมให้ใช้การได้ เมื่อเกิดเหตุจึงไม่สามารถระงับยับยั้งไม่ให้เพลิงไหม้ลุกลามใหญ่โตได้ การกระทำดังกล่าวของบริษัท ทรอพพิคอล ไอแลนด์ จำกัด จึงเป็นความผิด กระทำให้เกิดเพลิงไหม้ โดยประมาทจนเป็นเหตุให้มีทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย

 

หรือการกระทำโดยประมาทนั้น น่าจะเป็นอันตรายแก่ชีวิต บุคคลอื่น, กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส, และ ร่วมกันนำอาคารซึ่งไม่เป็น อาคารควบคุมการใช้, ใช้หรือยินยอมให้บุคคลใดใช้อาคารดังกล่าวเพื่อกิจการโรงแรม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น

 

 

 

 

โดย บริษัท ทรอพพิคอล ไอแลนด์ จำกัด มีกรรมการผู้มีอำนาจ จำนวน 3 คน โดย 1 ใน 3 คน เป็นคนไทย ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ส่วนอีก 2 คน จะได้เร่งรัดติดตามจับกุมให้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

พล.ต.ต.ปกรณ์ มณีปกรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดตราด กล่าวว่า ขอประชาสัมพันธ์ไปยังเจ้าของผู้ประกอบการกิจการโรงแรมทุกแห่ง ให้ความสำคัญในการดำเนินการ ตามมาตรฐานความปลอดภัยต่าง ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด เช่น อุปกรณ์ตรวจจับควัน สปริงเกอร์ กริ่งสัญญาณ เตือนภัย และอุปกรณ์ในการดับเพลิง ต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งาน ทั้งนี้เพื่อความมั่นใจของ นักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย และส่งเสริมภาพลักษณ์อันดีของประเทศโดยรวมต่อไป

 

ด้านนายชัยนันท์ ประเสริฐวิทย์ น้องชายแพทย์หญิง 1 ในเหยื่อไฟไหม้ ได้เดินทางมามอบกระเช้าขอบคุณการทำงานของผู้บังคับการตำรวจภูธรจ.ตราด และทีมสอบสวนที่ได้ทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา พร้อมกล่าวถึงเหตุการณ์ก่อนเกิดไฟไหม้ในวันดังกล่าวว่าได้เดินทางมาพักที่โรงแรมดังกล่าว ในเวลา 16.00 น.แต่ยังไม่ได้เข้าที่พัก และเมื่อเข้าที่พักก็มานั่งอยู่บริเวณสระน้ำ ซึ่งคืนนั้นน้องสาวอยากจะเล่นน้ำที่สระ ทางโรงแรมได้นำไฟสปอร์ตไลท์มาติดตั้งส่องสว่างให้ จากนั้นในเวลา 23 .00 น.ทุกคนก็แยกย้ายเข้าห้องพัก

 

จนกระทั่งเช้ามืดได้ยินเสียงตะโกนว่าเกิดเพลิงไหม้ ต่างคนต่างหลบหนีเอาตัวรอด เพราะเกิดเร็วมาก ซึ่งไม่สามารถนำทรัพย์มีค่าออกมามาได้ ทั้งหมดรวมมูลค่ากว่า 30 ล้าน ทั้งนาฬิกา แหวนเพชร และทรัพย์อื่นๆ โดยเฉพาะข้อมูลงานวิจัยที่อยู่ในโน๊ตบุคส์ที่มีค่ามากต้องสูญเสียไป หลังจากนั้น ทางโรงแรมก็ไม่ได้เข้ามาติดต่อช่วยเหลือหรือแสดงความรับผิดชอบใดๆในเรื่องความเสียหาย กระทั่งทางตำรวจจ.ตราดได้เข้ามาทำสำนวนคดี และพบว่า เป็นเรื่องของความประมาทของทางโรงแรม เพราะจากหลักฐานการสอบสวนได้ชี้ชัดออกมาแล้ว ซึ่งทางครอบครัวจะนำสำนวนคดีไปทำการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อไป

 

ทั้งนี้ผช.ผบ.ตร.ได้ให้พนักงานสอบสวนได้อธิบายถึงการสอบสวนและการทำคดีให้สื่อมวลชนรับทราบถึงที่มาที่ไป และบอกกับนายชัยนันท์ ประเสริฐวิทย์ว่า ขอให้มั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและพร้อมจับตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหาชาวต่างชาติได้หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว จึงออกหมายจับและให้ตม.ดำเนินการติดตามต่อไป