ปิดทองหลังพระฯ บนเส้นทาง 13 ปี พลิกโฉม “น่าน” สู่เมืองลักซ์ชัวรี่

05 พ.ย. 2565 | 23:08 น.
อัปเดตล่าสุด :06 พ.ย. 2565 | 07:00 น.

ติดตามเส้นทาง 13 ปี กว่าจะถึงวันนี้กับการพัฒนาจังหวัดน่าน พื้นที่ต้นแบบของปิดทองหลังพระฯ ผ่านการประยุกต์ศาสตร์พระราชา พัฒนาพื้นที่ ต่อยอดสู่ความยั่งยืนที่แท้จริง พลิกโฉม “น่าน” สู่เมืองลักซ์ชัวรี่

นับเป็นเวลานานกว่า 13 ปีแล้ว หลังจาก สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ หน่วยงานเล็ก ๆ ที่ทำงานด้านการพัฒนาด้วยการนำศาสตร์พระราชามาประยุกต์ให้เหมาะกับบริบทของพื้นที่ ได้เข้ามาพัฒนาพื้นที่ต้นแบบจังหวัดน่าน สร้างรายได้ สร้างความยั่งยืน และคืนชีวิตของคนที่เรียกว่าเป็นแถวหลังที่สุดของประเทศ 

 

ทุกวินาทีของการพัฒนาที่ยาวนานเกินกว่าทศวรรษ เริ่มผลิดอกออกผลให้เห็น เพราะทุกวันนี้จังหวัดน่านที่ใครหลายคนเคยมาเยือน กำลังเข้าสู่ยุคของความเจริญขึ้นผิดตา จนแทบจะลบภาพจำของจังหวัดที่ยากจนอันดับต้น ๆ ของประเทศไปเสียหมดสิ้น

 

ปิดทองหลังพระฯ เริ่มเข้ามาตั้งต้นพัฒนาในพื้นที่ตันแบบจังหวัดน่าน ตั้งแต่ปี 2552 โดยทดลอง ทดสอบ วิจัย ค้นหา และเปลี่ยนมายเซ็ตของชาวบ้านในพื้นที่ ให้เข้าใจถึงแก่นแท้ของการพัฒนา เพื่อสร้างอาชีพ รายได้ และโอกาส โดยเฉพาะการทำการเกษตรยั่งยืน ควบคู่กับฟื้นฟู ปรับปรุงต้นน้ำ ที่เคยขาดแคลน และเต็มไปด้วยสารพิษจากสารเคมี

 

ภาพประกอบพื้นที่ต้นแบบของปิดทองหลังพระ จังหวัดน่าน

ในที่สุดพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาของจังหวัดน่าน ก็ค่อย ๆ ดีขึ้น วัดได้ด้วยตัวเลขปัจจุบัน ดังนี้

  • เพิ่มพื้นที่รับน้ำได้ 120,214 ไร่
  • เพิ่มพื้นที่ป่า 209,970 ไร่
  • รายได้ภาคการเกษตรของเกษตรกรในพื้นที่ต้นแบบเพิ่มขึ้นจากเฉลี่ยครัวเรือนละ 41,359 บาทต่อปี เป็น 92,645 บาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 2.2 เท่า
  • ชาวน่านได้รับประโยชน์สูงถึง 35,735 ครัวเรือน

 

แต่อย่างไรก็กีการพัฒนากำลังเกิดความท้าทายใหม่ กับยุคสมัยที่กำลังเปลี่ยนไปด้วยปัจจัยแวดล้อม โดย นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ ที่ปรึกษาสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระฯ ยอมรับว่า ยุคของการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบน่านกำลังเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง หลังจากบริบทเปลี่ยนไป ทำให้ปิดทองหลังพระฯ ต้องวางแผนในการสร้างความยั่งยืน

 

ภาพประกอบข่าวการพัฒนาอาชีพเกษตร ปิดทองหลังพระ

 

“13 ปีที่แล้ว ชาวบ้านไม่มีทางเลือก แต่ตอนนี้เมื่อการพัฒนาทำอย่างต่อเนื่องและเกิดผลสำเร็จออกมาที่สามารถวัดได้ ชาวบ้านก็มีทางเลือกในการสร้างโอกาสเรื่องการหารายได้มากขึ้น เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายมาก เพราะปิดทองหลังพระฯ เองจะต้องเร่งสร้างชาวบ้านสามารถยืนได้ด้วยตัวเอง โดยมีปิดทองเป็นพี่เลี้ยงอยู่ข้างหลัง” นายชาติชาย ระบุ

 

ด้าน นายวีรเทพ พิรโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระฯ กล่าวว่า ในการต่อยอดการพัฒนาจังหวัดน่าน ให้สามารถโตได้อย่างยั่งยืนบนขาของตัวเอง ล่าสุด ปิดทองหลังพระฯ ได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือกับหน่วยงานในพื้นที่ต่อยอดพื้นที่ต้นแบบโครงการปิดทองหลังพระฯ จังหวัดน่าน ซึ่งได้ทำมานานกว่า 13 ปี ให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกันพัฒนาในระยะต่อไป

สำหรับการลงนามครั้งนี้ มีส่วนราชการจังหวัดน่าน ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน, สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดน่าน, สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์จังหวัดน่าน, สำนักงานพาณิชย์จังหวัดน่าน, อบต.ศรีภูมิ, อบต.ตาลชุม, อบต.ขุนน่าน, เทศบาลตำบลยอด รวมถึง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา น่าน และองค์การบริหารพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.)

 

ปิดทองหลังพระฯ ลงนามในบันทึกความร่วมมือกับหน่วยงานในพื้นที่ต่อยอดพื้นที่ต้นแบบน่าน

 

สำหรับสาระสำคัญของบันทึกความร่วมมือครั้งนี้ ทุกภาคีการพัฒนาทั้งหมดตกลงที่จะเชื่อมโยงแผนชุมชนที่มีการจัดทำขึ้นก่อนหน้านี้เข้าสู่ระบบราชการปกติ โดยมีงบประมาณจากทั้งราชการส่วนท้องที่และท้องถิ่น เพื่อต่อยอดการพัฒนา โดยปิดทองหลังพระฯ จะยังคงให้การสนับสนุนด้านองค์ความรู้เทคโนโลยี และให้คำปรึกษาต่อไป

 

สำหรับตัวอย่างของความร่วมมือของหน่วยงานต่าง ๆ มีดังนี้ 

  1. หน่วยงานจังหวัดน่าน อำเภอท่าวังผา สองแคว และเฉลิมพระเกียรติ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะสนับสนุนหมู่บ้านต้นแบบจัดทำแผนพัฒนาหมู่บ้านและบรรจุแผนพัฒนาหมู่บ้านในส่วนที่เกินศักยภาพของหมู่บ้าน ไว้ในแผนพัฒนาตำบล อำเภอ จังหวัด และแผนของอปท. ทุกปี เพื่อให้มีงบประมาณและทรัพยากรสำหรับดำเนินการตามแผน 
  2. สำนักงานเกษตรฯ สนับสนุนด้านการพัฒนาอาชีพการเกษตร ส่งเสริมพืชทางเลือกที่มีตลาดรองรับ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การแปรรูปการตลาด การจัดการกลุ่มเกษตรกร ทั้งรูปแบบแปลงใหญ่และเกษตรอัจฉริยะ และนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการเกษตร มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มมูลค่าของผลผลิต
  3. สำนักงานตรวจบัญชีฯ เสริมสร้างองค์ความรู้ในการจัดทำบัญชีครัวเรือน บัญชี ต้นทุนอาชีพ ให้แก่วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ และเกษตรกร สนับสนุนการใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี บริหารจัดการเงินของครัวเรือนและของกลุ่มเกษตรกร เพื่อให้เกษตรกรมีภูมิคุ้มกันทางการเงิน บริหารการเงินของกลุ่มและครัวเรือนได้อย่างโปร่งใส 
  4. สำนักงานพาณิชย์ฯ สนับสนุนการกระจายผลิตภัณฑ์ชุมชนไปสู่ตลาดในช่องทางหลากหลาย ผลักดันผลิตภัณฑ์ของหมู่บ้านตันแบบที่มีอัตลักษณ์ เพื่อขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ พัฒนาคุณภาพการผลิต การแปรรูปผลิตภัณฑ์ชุมชนให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน เข้าสู่การใช้ตราสัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์จังหวัดน่าน (Nan Brand) 
  5. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา น่าน จะนำงานวิจัย วิชาการ และนวัตกรรม มาพัฒนาการผลิต การแปรรูป เพื่อสร้างอาชีพและเพิ่มรายได้ให้กับราษฎรในหมู่บ้าน

 

นายวีรเทพ พิรโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ

 

นายวีรเทพ กล่าวว่า ปิดทองหลังพระฯ จะสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้หมู่บ้านต้นแบบเป็นแหล่งเรียนรู้ในลักษณะห้องปฏิบัติการทางสังคม เปิดรับการเรียนรู้ ศึกษาดูงาน และฝึกอบรม ให้หน่วยงานภายนอก รวมทั้งเป็นพื้นที่ทดลององค์ความรู้ใหม่ ๆ มีเป้าหมายเพื่อให้หมู่บ้านต้นแบบปิดทองหลังพระฯ ทั้ง 20 หมู่บ้าน ใน 3 อำเภอ มีความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

 

“การพัฒนาพื้นที่ต้นแบบน่านในช่วงต่อจากนี้ คงต้องหาทางนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือ และส่งเสริมให้ชาวบ้านได้ประโยชน์มากขึ้น ทั้งด้านการเกษตร การหาตลาด และการท่องเที่ยว เบื้องต้นปิดทองฯ กำลังทดสอบการสร้าแพลตฟอร์มกลางเพื่อนำผลิตภัณฑ์คุณภาพของชาวบ้านในพื้นที่ต้นแบบปิดทองมาไว้ในออนไลน์ เพื่อเชื่อมโยงให้ถึงมือผู้ซื้อโดยตรง คาดว่าน่าจะช่วยให้ชาวบ้านได้รับประโยชน์มากขึ้น ยั่งยืนมากขึ้น รายได้มากขึ้น และทันสมัยมากขึ้น” นายวีรเทพ ระบุ

 

อย่างไรก็ดีในกระบวนการส่งเสริมทั้งหมด ปิดทองหลังพระฯ ยังไม่ลืมหัวใจหลัก นั่นคือการสร้างองค์ความรู้ตามศาสตร์พระราชา แนวพระราชดำริ และหลักการทรงงานมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ และชาวบ้านได้เห็น โดยไม่ใช่แค่ไปจบที่การส่งเสริมการตลาดเพียงอย่างเดียว เพราะนั่นเท่ากับว่าไม่ใช่การสร้างความยั่งยืนที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง