ผู้สื่อข่าวรายงาน (27 พ.ย. 2565) นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย คณะผู้บริหารหอการค้าไทย ร่วมกับหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานีและเครือข่าย ได้มอบสมุดปกขาวสรุปผลงานสัมมนาหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ ให้กับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตัวแทนรัฐบาล
ทั้งนี้สมุดปกขาวดังกล่าว เพื่อใช้เป็นแนวทางเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยของภาครัฐ ซึ่งเป็นผลสรุปจากการจัดสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 40 ณ จังหวัดอุบลราชธานี ภายใต้หัวข้อ “Connect the dots : Enhancing Thailand Competitiveness” โดยมีภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศเข้าร่วมกว่า 1,200 คน
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า วาระเร่งด่วนที่ตั้งเป้าหมายร่วมกับภาครัฐและเอกชน คือ การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ที่จะต้องได้รับการสนับสนุนให้เกิดการปรับตัวด้วย Digital Transformation ซึ่งคือ ทางหลักสู่ความสำเร็จของ SME ไทย ไม่ใช่แค่ทางเลือก หรือทางรอด
“สำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2566 ซึ่งถือเป็นปีที่สำคัญของหอการค้าไทย ก่อตั้งครบ 90 ปีนั้น จะนำแนวทาง Connect Competitive และ Sustainable เพื่อยกระดับขีดความสามารถของประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะเปราะบาง แต่เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะมีโอกาสเติบโตได้ โดยหอการค้าไทยคาดว่า GDP ไทยจะเติบโตได้ 3.5-4 % และภาคการส่งออกจะเติบโตได้ 3-5 % ภายใต้ความร่วมมือและการทำงานเชิงรุกของพวกเราทุกคน” นายสนั่น กล่าว
หอการค้าจังหวัดได้นำเสนอโครงการที่สำคัญเร่งด่วน (Flagship Projects) ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในส่วนภูมิภาค ทั้งในด้านการเกษตร การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว อยู่ในสมุดปกขาว เพื่อมอบให้กับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้นำไปพิจารณาต่อไป
พร้อมกันนี้ หอการค้าไทยยังได้สรุปแนวทางการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ประกอบด้วย
1.Connect เชื่อมโยงความร่วมมือเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ โดยตั้งเป้าหมายระดมสมาชิกเพิ่มจาก 1 แสนราย เป็น 2 แสนราย ภายใน 3 ปีข้างหน้า ตลอดจนขับเคลื่อนแผนพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาค 5 ภาค
2.Competitive ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในทุกมิติ โดยสนับสนุนภาครัฐ ขับเคลื่อน FTAAP และเร่งขยาย FTA กับนานาชาติ ต่อยอดความเชื่อมั่นจากการเป็นเจ้าภาพ APEC ในช่วงที่ผ่านมา พร้อมดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ EEC ที่มีความพร้อมในการรองรับการลงทุนตรงจากทั่วโลกได้อย่างทันที
ขณะเดียวกัน หอการค้าไทยมีแผนดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากประเทศ จีน ซาอุดีอาระเบีย เวียดนาม และอินเดีย รวมถึงรักษากลุ่มนักลงทุนเดิม เช่น ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา
พร้อมร่วมมือกับ กพร. ปรับปรุง Ease of Doing Business ปรับปรุงขั้นตอนการติดต่อราชการให้รวดเร็ว ลดการเซ็นเอกสาร สนับสนุนให้เกิด e-Government อย่างเต็มรูปแบบ
สำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ จำเป็นต้องเร่งแก้ไข และปรับปรุงกฎระเบียบ ให้เอื้ออำนวยต่อการลงทุน ส่วนภาคการท่องเที่ยว ร่วมกับ ททท. ดำเนินแนวทาง Trade & Travel ยกระดับการสร้าง Soft Power ในแต่ละจังหวัด พร้อมยกระดับการท่องเที่ยวเมืองรอง ด้วย Happy Model