"อึ่งไข่" กลายมาเป็นวาทกรรมใหม่ทางการเมือง หลังจากผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลได้เกิดการวิวาทะกันถึงการอ้างอิงคะแนนเสียงที่ได้รับจากการเลือกตั้ง แม้กระทั่งนักวิชาการอย่าง รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรการเมือง และยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ก็ยังโพสต์เฟซบุ๊ก ตั้งฉายารัฐบาลนี้ว่าเป็น "รัฐบาลอึ่งไข่" ด้วยเช่นกัน
โดยรศ.ดร.พิชาย อธิบายที่มาของการตั้งชื่อรัฐบาลว่า "รัฐบาลอึ่งไข่"ว่า คำนี้มาจากกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยเอง จึงเหมาะสมกับสถานการณ์ เพราะรัฐบาลนี้รวมพรรคการเมืองหลายพรรคจนท้องโตคล้ายอึ่งไข่ พร้อมระบุให้ต้องระวังตัวครอบครัวอึ่งไข่สูญพันธุ์ได้ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เนื่องจากเป็นอาหารยอดนิยมมากในปัจจุบัน
แท้ที่จริง "อึ่งไข่" จัดเป็นอาหารพื้นบ้านที่ในปัจจุบันได้รับความนิยมไกลไปถึงต่างประเทศ โดยเพจประเทศโคราชได้เผยแพร่ภาพ และข้อมูลว่า สินค้าอึ่งไข่ในน้ำเกลือบรรจุกระป๋อง ของประเทศไทย ได้ส่งออกไปยังประเทศอเมริกา และสามารถทำราคาขายได้สูงถึงกระป๋องละ 875 บาท ซึ่งภายในกระป๋อง บรรจุอึ่งไข่แช่น้ำเกลือจำนวน 3 ตัว สำหรับราคาขายในประเทศไทยจะอยู่ที่ 350 บาทต่อกระป๋อง
"ฐานเศรษฐกิจ" ได้ตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกิจของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุญผลา อีสาน ฟู๊ด เจ้าของธุรกิจ "อึ่งไข่"บรรจุกระป๋อง ผ่านระบบบริการวิเคราะห์ข้อมูลบริษัทครบวงจร Creden Data จากฐานข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบข้อมูลงบการเงินนำส่ง ปี 2565 มีข้อมูลดังนี้
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า แม้ "อึ่งไข่" จะเป็นอาหารพื้นบ้าน แต่สามารถส่งออกต่างประเทศ และทำกำไรได้หลายแสนบาท จากกระแสความนิยมรับประทาน "อึ่งไข่"ที่มีในปัจจุบัน