โครงการรับจำนำข้าว ในสมัยรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ตั้งแต่ปีการผลิต 2554/2555 ถึง ปีการผลิต 2556/2557 รวม 5 ฤดูกาล ผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) นับเป็นโครงการที่มีการใช้เงินช่วยเหลือชาวนามากที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยการรับจำนำข้าวเปลือก 54.35 ล้านตัน ค่าใช้จ่ายรวม 9.85 แสนล้านบาท
งานวิจัย "การคอร์รัปชัน กรณีศึกษา : โครงการรับจำนำข้าวทุกเม็ด" ของ ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ที่เผยแพร่เมื่อเดือน พ.ย. 2557 ระบุข้อมูลที่น่าสนใจว่า การดำเนินโครงการนี้มีผลขาดทุนทางคลัง ณ สิ้นเดือนเมษายน 2557 สูงถึง 5.39 แสนล้านบาท แต่ถ้าคำนวณผลตรวจสต็อกข้าวของ คสช. ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2557 จะขาดทุน 6.6 แสนล้านบาท
ขณะที่ผลประโยชน์ส่วนเกินจากโครงการจำนำข้าวที่ตกแก่ชาวนา 5.6 แสนล้านบาท แต่ส่วนใหญ่เป็นชาวนารายกลางและรายใหญ่
ที่สำคัญโครงการนี้มีมูลค่าการทุจริตในการระบายข้าวสูงถึง 84,476 ล้านบาท
เมื่อดูจากรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำหรับปีสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 พบว่า ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เข้ามาแก้ปัญหาหนี้ที่เกิดขึ้นจากโครงการจำนำข้าวจำนวน 9.85 แสนล้านบาท ด้วยการนำเงินจากการระบายข้าวมาจ่ายคืนหนี้ให้ธ.ก.ส. จำนวน 371,280.05 ล้านบาท และตั้งงบประมาณใช้หนี้อีก 289,304.73 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 660,584.78 ล้านบาท
ส่วนภาระหนี้ที่ค้างชำระที่รัฐบาลต้องตั้งงบประมาณจ่ายคืนหนี้ให้กับ ธ.ก.ส. ทั้งสิ้น 246,675.61 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินที่ธ.ก.ส. สำรองจ่าย 66,403.55 ล้านบาท และเงินที่ธ.ก.ส.ไปกู้ยืมมาจากสถาบันการเงินอื่นอีก 184,474.62 ล้านบาท
นั่นหมายความว่ายังมีหนี้ที่เกิดจากโครงการรับจำนำข้าวในยุค รัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่รอรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” สะสางอีก 246,675.61 ล้านบาท