"เกียรติ"ตั้ง 4 คำถามแจกเงินดิจิทัล 10,000 ห่วงความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล

25 ต.ค. 2566 | 08:20 น.
อัพเดตล่าสุด :26 ต.ค. 2566 | 02:13 น.

อดีตผู้แทนการค้าไทย นายเกียรติ สิทธีอมร ตั้ง 4 คำถามต่อนโยบาย แจกเงินดิจิทัล 10000 บาท ของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ถูกกฎหมายหรือไม่ ห่วงความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมย้ำให้ตระหนักถึงการใช้เงินกู้ ซึ่งทุกคนต้องร่วมจ่ายหนี้

กรณีโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่ยังรอความชัดเจนจากคณะกรรมขับเคลื่อนนโยบายอยู่นี้ ได้เกิดข้อห่วงใย และข้อสังเกตจากหลายภาคส่วน ทั้งจากสส. ,สว. ,นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ แม้แต่อนุกรรมการขับเคลื่อนฯเองก็ตาม

ฐานเศรษฐกิจ ได้สัมภาษณ์พิเศษ นายเกียรติ สิทธีอมร อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย ต่อการดำเนินนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท โดยนายเกียรติ ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ 4 ประการ ต่อการดำเนินนโยบายนี้

นายเกียรติ สิทธีอมร อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย

คำถาม1 ถูกกฎหมายหรือไม่?

เนื่องจากการดำเนินนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท มีความเกี่ยวข้องกับกฎหมายหลายฉบับ เช่น พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พ.ศ. 2485 ,พ.ร.บ.เงินตรา พ.ศ.2501 และพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 เป็นต้น

คำถาม2 นำเงินไปใช้วิธีใด จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด?

นโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ต้องมีความชัดเจนว่าดำเนินโครงการไปเพื่ออะไร หากเป็นการแจกเงินให้ทุกคนเท่ากันจะเป็นการเพิ่มความเหลื่อมล้ำ เพราะเงิน 10,000 บาท มีความหมายอย่างมากกับผู้มีรายได้น้อย ในขณะที่ถือเป็นเงินเพียงจำนวนน้อยสำหรับคนมีรายได้มาก 

ถ้าแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ในจำนวนเท่ากันทุกคน จึงถือว่าเพิ่มความเหลื่อมล้ำในทันที ตรงกันข้ามหากแจกเฉพาะผู้มีรายได้น้อยซึ่งในประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 10 ล้านคน แม้จะแจกคนละ 20,000 บาท ก็ยังเป็นการตอบโจทย์มากกว่า เช่น ในปัจจุบันที่เศรษฐกิจไม่ดี รายได้น้อย ข้าวของราคาแพง การได้รับเงินดิจิทัล จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับคนกลุ่มนี้ 

แต่หากแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้กับทุกคนทั้งคนจน และคนรวย จำเป็นต้องตอบคำถามให้ได้ว่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไร ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีนักเศรษฐศาสตร์คนใดยืนยันได้ว่า ผลตอบแทนที่ได้จากโครงการนี้จะเท่าทุนกับงบประมาณที่ใช้ลงไป เนื่องจากไม่สามารถจัดเก็บภาษีจากการเติบโตของเศรษฐกิจที่มากขึ้นได้จากการกระจายเงินในลักษณะนี้

เนื่องจากการใช้เงินไปกับการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค จะได้จำนวนรอบของการหมุนเวียนเงินในระบบเศรษฐกิจไม่มาก แตกต่างจากห่วงโซ่อุปทาน(Supply Chain) อื่นๆเช่น อสังหาริมทรัพย์ ที่ต้องมีการซื้อวัสดุและการจ้างงานมีซับพลายเชนสายยาว

แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท

คำถาม3 ทำไมต้องเป็นเงินดิจิทัล ?

มีความจำเป็นอย่างไร ที่จะต้องของจ่ายเป็นเงินดิจิทัล ซึ่งแอพพลิเคชั่น "เป๋าตัง" มีความพร้อมในการใช้งานอยู่แล้ว และการใช้ระบบบล็อกเชน มีข้อจำกัดหลายประการ เช่นพื้นที่ขอบเขตการใช้จ่าย ซึ่งปัจจุบันธนาคารขนาดใหญ่ระดับโลกหลายธนาคารปฏิเสธการทำธุรกรรมด้านนี้ เนื่องจากไม่มีกฎหมายใดรองรับ เสี่ยงกับการใช้เป็นช่องทางของการฟอกเงินระหว่างประเทศ

นายเกียรติ แนะนำว่าสามารถพิจารณาจากเงินฝากในบัญชีเงินฝากของประชาชนได้ หากมีไม่ถึง 10,000 บาท ก็สามารถโอนเงินเข้าบัญชีให้แก่ประชาชนได้เลย ส่วนประชาชนที่ไม่มีบัญชีเงินฝาก รัฐบาลควรดำเนินการเปิดบัญชีให้แก่ประชาชนเพื่อรับเงิน 

และแม้ว่าประชาชนจะนำเงินสดเรานั้นไปชำระหนี้สินก็ตาม ก็ถือว่าเป็นประโยชน์กับประชาชนเนื่องจากภาระหนี้สินที่ประชาชนแบกรับอยู่นั้นอาจเป็นปัญหาใหญ่ของคนผู้นั้น ในขณะที่เจ้าหนี้ที่ได้รับเงินไปก็สามารถนำเงินเหล่านั้นไปจับจ่ายใช้สอยได้


คำถาม4 ใครเป็นคนดำเนินโครงการ และกำกับให้ข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนมีความปลอดภัย ?

นโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ในแง่มุมของการมี BIG DATA นั้น นายเกียรติ เน้นย้ำว่า รัฐบาลมีหน้าที่ปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน ไม่ใช่มุ่งเก็บข้อมูลส่วนบุคคลด้านการเงินของประชาชน

และรัฐบาลมีหลักประกันเรื่องความปลอดภัยในข้อมูลส่วนบุคคลอย่างไร หน่วยงานใดจะเป็นผู้กำกับดูแล เพราะในปัจจุบันมีการนำข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลทางการเงินส่วนบุคคลของประชาชนไปใช้แสวงหาผลประโยชน์เป็นจำนวนมาก รวมถึงการนำข้อมูลเหล่านี้ไปกระทำความผิดในต่างประเทศ ซึ่งยากต่อการติดตามจับกุม ดำเนินคดี

สุดท้ายของการสนทนา นายเกียรติเน้นย้ำไปยังรัฐบาลว่า เงินงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินโครงการไม่ใช่เงินส่วนตัวของนายกฯ  แต่เป็นเงินที่ต้องกู้ยืมมาดำเนินโครงการซึ่งตกเป็นภาระหนี้ของทุกคนในประเทศ จึงควรนำไปใช้ในการช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย 

เศรษฐกิจประเทศไทยในขณะนี้นักเศรษฐศาสตร์เห็นตรงกันว่าไม่มีความจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ แต่ควรจะต้องแก้ไขปัญหาพื้นฐาน เช่น ความสามารถในการแข่งขัน ส่วนต่างของดอกเบี้ย ราคาพลังงาน ให้เป็นธรรม ไม่ใช่เพียงนำเงินไปอุดหนุนชดเชย

รวมถึงความไม่ชัดเจนอีกหลายประการ เช่น กติกาการใช้จ่ายเงินดิจิทัล แม้แต่การที่นายกฯ เคยระบุว่า ในครอบครัวที่มีสมาชิกหลายคน สามารถนำเงินดิจิทัล ที่ได้รับ ไปลงทุนได้ ในทางปฏิบัติจะเป็นอย่างไร ลงทุนกับใคร ที่ไหน สามารถเปลี่ยนเป็นเงินบาทได้หรือไม่