KEY
POINTS
กลุ่ม Angsana Council บริษัทเบน แอนด์ คัมพานี (Bain & Company) และธนาคาร DBS ของสิงคโปร์ เผยแพร่เอกสาร “Navigating High Winds: Southeast Asia Outlook 2024-2034” ของ 6 ประเทศเศรษฐกิจหลักของอาเซียนใน 10 ปีข้างหน้า(2567-2577)จะขยายตัวเฉลี่ย 5.1% ต่อปี โดยเวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์จะมีการเติบโตสูงสุด ขณะที่ไทยจะมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยแค่ 2.8%ต่อปี
รายงานชี้ว่าปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนการเติบโต ได้แก่ การลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ การส่งเสริมธุรกิจเทคโนโลยี การพัฒนาตลาดทุน การเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด และการร่วมมือในระดับภูมิภาค
แต่ยังมีความท้าทายสำคัญ ได้แก่ การแข่งขันกับจีน ที่จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในฐานะคู่ค้าและนักลงทุนรายใหญ่ในภูมิภาคนี้ ขณะที่ความไม่แน่นอนทางการเมืองในบางประเทศ และความจำเป็นในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากรมนุษย์
รายงานระบุว่า โอกาสสำคัญของ 6 ประเทศเศรษฐกิจหลักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ การดึงดูดการลงทุนจากบริษัทต่างชาติที่ต้องการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน การพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่เช่นยานยนต์ไฟฟ้า และการเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีในภูมิภาค ซึ่งโดยรวมรายงานมองว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง แต่จำเป็นต้องมีการปฏิรูปนโยบายและการลงทุนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตดังกล่าว
สำหรับการคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product-GDP) ระยะ 10 ปี ในช่วงปี 2567-2577 ของ 6 ประเทศเศรษฐกิจหลักของอาเซียนมี ดังนี้
1. อัตราการเติบโต: คาดว่าเวียดนามจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยประมาณ 6.6% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่วิเคราะห์ในรายงานนี้
2. ปัจจัยบวก:
เศรษฐกิจที่มุ่งเน้นการส่งออก ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการรับประโยชน์จากกลยุทธ์ "China + 1" ของบริษัทต่างชาติ
3. ความท้าทาย:
4. การลงทุนจากต่างประเทศ: เวียดนามได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในภาคการผลิตและเทคโนโลยี
5. ทรัพยากรมนุษย์: เวียดนามมีคะแนน Human Capital Index ที่สูง และมีอัตราการมีส่วนร่วมในกำลังแรงงานที่สูงที่สุดในภูมิภาค
6. โครงสร้างพื้นฐาน: เวียดนามมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะประมาณ 5% ของ GDP
7. การพัฒนาทางเทคโนโลยี: เวียดนามกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วในด้านเทคโนโลยี โดยมีการลงทุนในการวิจัยและพัฒนาจากบริษัทต่างชาติ
8. ความท้าทายทางการเมือง: พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามต้องสร้างสมดุลระหว่างการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจกับการบริหารจัดการทางการเมือง
โดยสรุป เวียดนามมีแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาค แต่ยังคงมีความท้าทายที่ต้องจัดการ โดยเฉพาะในด้านโครงสร้างพื้นฐานและการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมือง
1. อัตราการเติบโต: คาดว่าฟิลิปปินส์จะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยประมาณ 6.1% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราที่สูงเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่วิเคราะห์ในรายงานนี้
2. ปัจจัยบวก:
3. ความท้าทาย:
4. การลงทุนจากต่างประเทศ: ฟิลิปปินส์พยายามดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในภาคบริการและโครงสร้างพื้นฐาน
5. ทรัพยากรมนุษย์:
6. โครงสร้างพื้นฐาน:
7. นวัตกรรมและเทคโนโลยี: ฟิลิปปินส์มีการเติบโตในภาคเทคโนโลยี แต่ยังล้าหลังประเทศอื่นในภูมิภาคในด้านนวัตกรรม
8. ภูมิรัฐศาสตร์: ท่าทีที่เป็นมิตรกับสหรัฐฯ อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์กับจีน ซึ่งเป็นคู่ค้าที่สำคัญ
9. การเมือง: หลังยุคดูเตอร์เต ฟิลิปปินส์กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในเชิงบวก โดยมุ่งเน้นสิทธิมนุษยชน นโยบายต่างประเทศ และการปฏิรูปเศรษฐกิจ
โดยสรุป ฟิลิปปินส์มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยได้รับแรงหนุนจากประชากรที่กำลังเติบโตและนโยบายที่มุ่งเน้นการเติบโต อย่างไรก็ตาม ประเทศยังต้องเผชิญกับความท้าทายสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การยกระดับทักษะแรงงาน และการปรับปรุงประสิทธิภาพของภาครัฐ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตที่คาดการณ์ไว้
1. อัตราการเติบโต: คาดว่าอินโดนีเซียจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยประมาณ 5.7% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราที่สูงเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่วิเคราะห์ในรายงานนี้
2. ปัจจัยบวก:
3. ความท้าทาย:
4. การลงทุนจากต่างประเทศ: อินโดนีเซียได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในภาคพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
5. ทรัพยากรมนุษย์: อินโดนีเซียมีประชากรวัยแรงงานจำนวนมาก แต่ยังมีความท้าทายในการพัฒนาทักษะแรงงาน
6. โครงสร้างพื้นฐาน: อินโดนีเซียมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะประมาณ 3% ของ GDP ซึ่งยังต่ำกว่าระดับที่ควรจะเป็น
7. นวัตกรรมและเทคโนโลยี: อินโดนีเซียมีระบบนิเวศสตาร์ทอัพที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีจำนวนบริษัทยูนิคอร์นมากที่สุดเป็นอันดับสองในภูมิภาค
8. ตลาดทุน: อินโดนีเซียมีการพัฒนาตลาดทุนอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีโอกาสในการพัฒนาเพิ่มเติม
9. การเมือง: การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลังจากการเลือกตั้งในปี 2024 อาจส่งผลต่อทิศทางนโยบายเศรษฐกิจ
โดยสรุป อินโดนีเซียมีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยได้รับแรงหนุนจากตลาดภายในประเทศขนาดใหญ่ ทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และการพัฒนาทางเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม ประเทศยังต้องเผชิญกับความท้าทายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การยกระดับทักษะแรงงาน และการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมือง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตที่คาดการณ์ไว้
1. อัตราการเติบโต: คาดว่ามาเลเซียจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยประมาณ 4.5% ต่อปี
2. ปัจจัยบวก:
3. ความท้าทาย:
4. การลงทุนจากต่างประเทศ:
5. ทรัพยากรมนุษย์:
6. โครงสร้างพื้นฐาน:
7. นวัตกรรมและเทคโนโลยี:
8. การเมือง:
9. ภูมิภาค:
โดยสรุป มาเลเซียมีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี โดยได้รับแรงหนุนจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงและนโยบายที่เอื้อต่อการลงทุน อย่างไรก็ตาม ประเทศยังต้องเผชิญกับความท้าทายสำคัญ โดยเฉพาะในด้านการเมืองและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวและบรรลุเป้าหมายการเติบโตที่คาดการณ์ไว้
1. อัตราการเติบโต: คาดว่าไทยจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยประมาณ 2.8% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่วิเคราะห์ในรายงานนี้
2. ปัจจัยบวก:
3. ความท้าทาย:
4. การลงทุนจากต่างประเทศ:
5. ทรัพยากรมนุษย์:
6. โครงสร้างพื้นฐาน:
7. นวัตกรรมและเทคโนโลยี:
8. การเมือง:
โดยสรุป แม้ว่าไทยจะมีจุดแข็งในหลายด้าน แต่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่คาดการณ์ไว้ยังค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค ซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายทั้งในด้านโครงสร้างเศรษฐกิจและการเมืองที่ประเทศต้องเผชิญ การปรับปรุงประสิทธิภาพของภาครัฐ การพัฒนาทักษะแรงงาน และการส่งเสริมนวัตกรรมจะเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มศักยภาพการเติบโตของประเทศในอนาคต
1. อัตราการเติบโต: คาดว่าสิงคโปร์จะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยประมาณ 2.5% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่วิเคราะห์ในรายงานนี้
2. ปัจจัยบวก:
3. ความท้าทาย:
4. การลงทุนจากต่างประเทศ: สิงคโปร์ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญสำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในภาคการเงินและเทคโนโลยี
5. ทรัพยากรมนุษย์: สิงคโปร์มีคะแนน Human Capital Index สูงที่สุดในภูมิภาค และมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาทักษะแรงงาน
6. โครงสร้างพื้นฐาน: สิงคโปร์มีโครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาแล้วอย่างมาก และยังคงลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ เช่น ท่าเรือ Tuas Mega Port
7. นวัตกรรมและเทคโนโลยี: สิงคโปร์เป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีในภูมิภาค โดยมีการลงทุนอย่างมากในการวิจัยและพัฒนา
8. ตลาดการเงิน: สิงคโปร์ยังคงเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญของภูมิภาค แม้ว่าจะมีการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากประเทศอื่นๆ
โดยสรุป แม้ว่าสิงคโปร์จะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่คาดการณ์ไว้ต่ำกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค แต่ก็ยังคงมีจุดแข็งที่สำคัญในหลายด้าน โดยเฉพาะในด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และการเงิน อย่างไรก็ตาม สิงคโปร์ต้องเผชิญกับความท้าทายสำคัญ โดยเฉพาะในด้านประชากรศาสตร์และการรักษาความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว
ที่มา: Navigating High Winds: Southeast Asia Outlook 2024-2034