นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการฐานทอล์ค ออกอากาศทางช่องเนชั่นทีวี 22 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.40-11.30 น. ต่อกรณีที่ประเทศไทย มีการเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง หลังจากนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯต้องพ้นจากตำแหน่งโดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยนั่งเก้าอี้นายกมาได้เพียง 358 วันเท่านั้น
นายเกรียงไกร มองว่าคำวินิจฉัยให้นายเศรษฐาพ้นจากตำแหน่งสร้างความตกใจให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ แต่อย่างไรก็ตามตั้งแต่มีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมเป็นต้นมา นักลงทุนต่างชาติก็ได้ชะลอการตัดสินใจลงทุนในประเทศไทยทันที เพราะต้องการเห็นความชัดเจนของหน้าตารัฐบาลเสียก่อน ทั้งยังมีความกังวลถึงเสถียรภาพรัฐบาลชุดใหม่ ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นอีกหรือไม่ จะบริหารประเทศได้นานแค่ไหน
โจทย์ที่รัฐบาลต้องเร่งสร้างความมั่นใจให้กับนักธุรกิจ คือการสร้างความชัดเจนในการดำเนินโครงการต่างๆ นโยบายที่เคยดำเนินการไว้จะมีการสานต่อหรือไม่ เพราะนอกจากนักลงทุนต่างชาติยังไม่เข้ามาลงทุนในไทยแล้ว นักลงทุนไทยรายใหญ่เองยังขยับออกไปลงทุนในต่างประเทศอีกด้วย
สิ่งที่ภาคเอกชนต้องการคือ การเมืองที่นิ่งและมีเสถียรภาพ มีการดำเนินนโยบายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้นักลงทุนกล้าตัดสินใจ นำมาสู่การจ้างงาน การขยายตัวของเศรษฐกิจในขณะที่ประเทศยังต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจโลกที่อ่อนตัว สถาณการณ์โลกที่เปราะบาง ทั้งยังมีปัญหาภายในประเทศเรื่องหนี้ครัวเรือนสูง กำลังซื้อต่ำ การส่งออกมีปัญหา ทั้งหมดนี้ความเชื่อมั่นจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย