ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในภูมิภาคอาเซียน เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญความท้าทายครั้งสำคัญ เมื่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ส่งสัญญาณเตือนผ่านตัวเลขคาดการณ์ล่าสุด ที่ชี้ให้เห็นว่าไทยกำลังสูญเสียพลังในการแข่งขัน จนอาจต้องเสียตำแหน่งมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 2 ของอาเซียนให้กับคู่แข่งอย่างฟิลิปปินส์และเวียดนามในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
"ฐานเศรษฐกิจ" ได้รวบรวมประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และมูลค่า GDP ของไทยและประเทศคู่แข่งในอาเซียน 4 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และเวียดนาม จาก IMF พบว่า การคาดการณ์เศรษฐกิจ 5 ประเทศหลักในอาเซียนไม่รวมสิงคโปร์ที่เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ถึงปี 2572 ชี้ชัดว่าประเทศไทยกำลังสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน จนถูกทั้งฟิลิปปินส์และเวียดนามแซงหน้าภายในปี 2571 หรืออีก 4 ปีข้างหน้า โดยมีรายละเอียดดังนี้
เริ่มจากในปี 2567 อันดับขนาดเศรษฐกิจของไทยยังคงเดิม โดยอินโดนีเซียนำโด่งด้วย GDP 1.40 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 4.96% ตามด้วยไทยอันดับ 2 ที่ 5.29 แสนล้านดอลลาร์ แต่โตเพียง 2.80% ขณะที่ฟิลิปปินส์อันดับ 3 มี GDP 4.70 แสนล้านดอลลาร์ โต 5.75% เวียดนามอันดับ 4 ที่ 4.68 แสนล้านดอลลาร์ แต่โตสูงถึง 6.06% และมาเลเซียอันดับ 5 ที่ 4.40 แสนล้านดอลลาร์ โต 4.80%
ปี 2568 อันดับยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่ช่องว่างด้านขนาดเศรษฐกิจเริ่มแคบลง โดยอินโดนีเซียมี GDP 1.49 ล้านล้านดอลลาร์ โต 5.07% ไทยอันดับ 2 ที่ 5.45 แสนล้านดอลลาร์ โต 3.00% ฟิลิปปินส์อันดับ 3 ที่ 5.08 แสนล้านดอลลาร์ โต 6.11% เวียดนามอันดับ 4 ที่ 5.06 แสนล้านดอลลาร์ โต 6.06% และมาเลเซียอันดับ 5 ที่ 4.88 แสนล้านดอลลาร์ โต 4.39%
ปี 2569 อินโดนีเซียยังนำโด่งด้วย GDP 1.61 ล้านล้านดอลลาร์ โต 5.06% ไทยรั้งอันดับ 2 ที่ 5.70 แสนล้านดอลลาร์ แต่อัตราการเติบโตลดลงเหลือ 2.57% ฟิลิปปินส์อันดับ 3 ตามมาติดที่ 5.50 แสนล้านดอลลาร์ และโตสูงถึง 6.25% เวียดนามอันดับ 4 ที่ 5.45 แสนล้านดอลลาร์ โต 6.01% และมาเลเซียอันดับ 5 ที่ 5.22 แสนล้านดอลลาร์ โต 4.40%
เข้าสู่ปี 2570 ไทยเริ่มส่อเค้าถูกไล่ทัน แต่ยังรักษาอันดับ 2 ไว้ได้ที่ GDP 5.96 แสนล้านดอลลาร์ โต 2.75% ขณะที่ฟิลิปปินส์อันดับ 3 ตามมาห่างแค่เพียง 1 พันล้านดอลลาร์ ที่ 5.95 แสนล้านดอลลาร์ และโตสูงถึง 6.33% เวียดนามอันดับ 4 ที่ 5.86 แสนล้านดอลลาร์ โต 5.85% มาเลเซียอันดับ 5 ที่ 5.53 แสนล้านดอลลาร์ โต 3.97% ส่วนอินโดนีเซียยังนำห่างที่ 1.74 ล้านล้านดอลลาร์ โต 5.07%
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 2571 เมื่อไทยถูกทั้งฟิลิปปินส์และเวียดนามแซงขึ้นไป โดยขนาดเศรษฐกิจเรียงลำดับใหม่ดังนี้: อินโดนีเซียอันดับ 1 ที่ 1.88 ล้านล้านดอลลาร์ โต 5.06% ฟิลิปปินส์ขึ้นมาอันดับ 2 ที่ 6.49 แสนล้านดอลลาร์ โต 6.34% เวียดนามขึ้นมาอันดับ 3 ที่ 6.29 แสนล้านดอลลาร์ โต 5.75% ไทยร่วงลงอันดับ 4 ที่ 6.24 แสนล้านดอลลาร์ โต 2.69% และมาเลเซียอันดับ 5 ที่ 5.87 แสนล้านดอลลาร์ โต 3.99%
ปี 2572 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของการคาดการณ์ อันดับยิ่งถ่างกว้างขึ้น โดยอินโดนีเซียมี GDP 2.03 ล้านล้านดอลลาร์ โต 5.07% ฟิลิปปินส์รักษาอันดับ 2 ที่ 7.07 แสนล้านดอลลาร์ โต 6.31% เวียดนามอันดับ 3 ที่ 6.72 แสนล้านดอลลาร์ โต 5.55% ไทยอันดับ 4 ที่ 6.53 แสนล้านดอลลาร์ โต 2.66% และมาเลเซียอันดับ 5 ที่ 6.21 แสนล้านดอลลาร์ โต 4.00%
จากข้อมูลของ IMF สะท้อนให้เห็นว่าการที่ขนาดเศรษฐกิจของไทยร่วงจากอันดับ 2 มาอยู่ที่อันดับ 4 ในช่วง 5 ปี เป็นผลจากอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ โดยฟิลิปปินส์นำโด่งที่ 6.18% เวียดนาม 5.88% อินโดนีเซีย 5.05% มาเลเซีย 4.26% ขณะที่ไทยเติบโตต่ำสุดเพียง 2.75%
ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า แม้ไทยจะมีฐานเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ในปี 2567 แต่ด้วยอัตราการเติบโตที่ต่ำกว่า 3% เกือบทุกปี ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านเติบโตเกิน 4-6% ส่งผลให้ช่องว่างทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านแคบลงอย่างรวดเร็ว จนถูกฟิลิปปินส์ และเวียดนามแซงหน้าในที่สุด สะท้อนความจำเป็นเร่งด่วนที่ไทยต้องปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว
ที่มา: ฐานเศรษฐกิจรวบรวมจาก IMF:World Economic Outlook Database