เดือนธันวาคมธนาคารกลางของจีนได้สำรองทองคำเพิ่ม 330,000 ทรอยออนซ์ ซึ่งเป็นเดือนที่สองของการขยายปริมาณทองคำสำรอง ส่งผลทำให้จีนถือครองทองคำอยู่ 73.29 ล้านออนซ์ เพิ่มขึ้นจาก 72.96 ล้านออนซ์ในเดือนพฤศจิกายน
การที่จีนสร้างสำรองทองคำเพิ่มขึ้นเกิดขึ้นหลังจากหยุดชะงักไปเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งระหว่างนั้น จีนซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกได้ชะลอการซื้อท่ามกลางราคาทองคำที่เป็นประวัติการณ์
การเพิ่มขึ้นของสำรองทองคำของธนาคารกลางจีนเกิดขึ้นในขณะที่เศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกยังคงดิ้นรนเพื่อฟื้นตัวหลังจากการระบาดใหญ่ ความท้าทายมากมาย ได้แก่ วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ ภาวะเงินฝืด และอัตราการว่างงานของเยาวชนที่สูง
เมื่อเทียบกับดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว และอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน โดยคาดว่าความต้องการลงทุนในทองคำจะได้รับการสนับสนุนในปีนี้ เนื่องจากเงินหยวนอาจสูญเสียมูลค่า และมีแนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยจะลดลงหากมีการประกาศซื้อทองคำอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ซึ่งเป็นแรงกระตุ้นสำคัญต่อความต้องการลงทุนในทองคำในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความรู้สึกของนักลงทุนในทองคำก็จะได้รับการส่งเสริมเพิ่มเติม
ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อปีที่แล้ว โดยราคาสปอตเพิ่มขึ้นเกือบ 30% ทำให้ผู้ลงทุนบางส่วนชะลอการลงทุน นักวิเคราะห์บางคนคาดการณ์ว่าความต้องการโลหะมีค่าจะยังคงแข็งแกร่งในปีนี้
Goldman Sachs คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะพุ่งไปถึง 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2569 เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยบริษัทระบุในบันทึกเมื่อวันอาทิตย์
ธนาคารเพื่อการลงทุนยังคาดว่าความต้องการที่เพิ่มขึ้นของธนาคารกลางจะผลักดันให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นต่อไป ความต้องการดังกล่าวส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากธนาคารกลางที่กระจายสินทรัพย์จากดอลลาร์สหรัฐฯ ไปสู่ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
เมื่อเดือนที่แล้ว Goldman Sachs เลื่อนการคาดการณ์ราคาทองคำที่ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ออกไปจากสิ้นปี 2568 ขณะที่ประธาน Fed นายเจอโรม พาวเวลล์ ระบุในช่วงปลายเดือนนี้ว่าธนาคารมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่ช้าลงในปีนี้
นักวิเคราะห์ระบุว่า หากนักลงทุนจีนได้รับผลตอบแทนจากการซื้อหรือตลาดหวั่นเกรงว่าข้อเสนอนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์อาจส่งผลให้แนวโน้มทางการเงินของสหรัฐฯ แย่ลงอย่างมีนัยสำคัญ ราคาอาจท้าทายระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้อย่างรวดเร็ว โดยการทะลุผ่านระดับสูงสุดของเดือนตุลาคมอาจได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อตามโมเมนตัมอย่างเป็นระบบ
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ขู่ว่าจะเก็บภาษีสินค้าจีนทั้งหมด 60% ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าจะผลักดันให้เงินเฟ้อในสหรัฐสูงขึ้น